
ปรากฏการณ์: คลื่นลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ AI
ไทยได้รับอนุมัติลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์รวมกว่า 90.9 พันล้านบาท (~2.7 พันล้านดอลลาร์) จากบริษัทจีน สิงคโปร์ ไทย และ TikTok‑ByteDance อีกกว่า 126.8 พันล้านบาท เป้าหมายเปิดบริการในปี 2026 – 2027
ล่าสุด AIS เปิด “AIS Cloud powered by OCI” อย่างเป็นทางการ ด้วยเงินลงทุน 4 พันล้านบาท สร้างระบบ Hyperscale Cloud แห่งแรกของไทย
สาเหตุ: ทำไมจึงเกิดคลื่นลงทุนครั้งนี้
นโยบายรัฐสนับสนุน
ภายใต้ Thailand 4.0 และนโยบาย Cloud‑First รัฐบาลผลักดันให้ดิจิทัลเป็น 30% ของ GDP ภายในปี 2030
ทำเลและศักยภาพภูมิภาค
ไทยตั้งอยู่ใจกลางอาเซียน รองรับ EEC และโครงสร้างพื้นฐาน เช่น 5G, พลังงาน และแรงงาน ♦ โครงการใน EEC ยังได้สิทธิประโยชน์พิเศษ
ภาคเอกชนระดับโลกเข้าร่วม
นอกจาก AIS แล้ว ยังมี Google ลงทุน $1 พันล้าน เปิด Data Center‑Cloud Region กรุงเทพฯ–ชลบุรี
และ AWS ประกาศลงทุน $5 พันล้านใน 15 ปี, Microsoft กำลังตั้ง Data Center แห่งแรกในไทย
ผลกระทบ: ได้ประโยชน์อะไรกับประเทศ?
-
เสถียรภาพข้อมูล–ความมั่นคงไซเบอร์: เก็บข้อมูลในพื้นที่ภายใต้กฎหมายไทย ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องข้อมูลรั่วไหล
-
งานและทักษะคนไทย: มีงานไอที–วิศวกรรม สร้าง ecosystem ดิจิทัล
-
ราคา–ประสิทธิภาพให้องค์กรไทย: ลดค่าใช้จ่ายคลาวด์ต่างประเทศและเพิ่มความเร็วในการประมวลผล AI
ทางออก: เราจะเตรียมตัวอย่างไร
เริ่มจากภาคธุรกิจ
-
ลงทุนย้ายข้อมูลขึ้นคลาวด์ในประเทศ เลือกผู้ให้บริการที่ตามมาตรฐาน
-
ฝึกอบรมบุคลากรด้าน Data, AI, Cloud Security
ฝ่ายรัฐควร:
-
วางนโยบาย Open Data เพื่อหนุน AI ไทย
-
จัดตั้งศูนย์กลาง AI‑Cloud สำรองข้อมูลของประเทศ
บทความนี้เชื่อมร้อยเทรนด์โลกและบริบทไทย ในเรื่องการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อให้เห็นภาพว่า “ไทยไม่ได้แค่รับคลื่น แต่กำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง AI‑Cloud ของอาเซียน” ที่สำคัญคือ…
บางทีการลงทุนไม่ใช่แค่วงเงินมหาศาล แต่คือ “โอกาสแรก” ที่ช่วยให้ทุกฝ่าย—รัฐ เอกชน คนไทย—เติบโต เคลื่อนไปพร้อมกัน