
ช่วงกลางปี 2025 บรัสเซลส์กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง—ไม่ใช่เพราะอากาศ แต่เพราะเวทีประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปที่จัดขึ้นภายใต้โจทย์สำคัญ “ยุทธศาสตร์รอบด้านของสหภาพยุโรป”
นี่ไม่ใช่แค่การนัดถกของผู้นำประเทศ แต่คือจังหวะสำคัญที่ยุโรปกำลัง “วางหมากใหม่” ในเกมโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน
1. ความมั่นคง: ไม่ใช่แค่ป้องกันตัว แต่ต้องประสานกัน
หลังจากสงครามในยูเครนยืดเยื้อเกินคาด ยุโรปเริ่มตระหนักว่าความมั่นคงไม่ใช่แค่เรื่องของกองทัพ แต่หมายถึงการเชื่อมโยงระหว่างข้อมูล พลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานด้วย
การประชุมครั้งนี้จึงมีวาระเรื่อง “Defense Union” หรือการรวมตัวทางทหารอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น พร้อมกองทุนกลางเพื่อเสริมแกร่งให้ประเทศสมาชิกที่อยู่แนวหน้า
2. เศรษฐกิจ: เดินเกมใหม่ในโลกที่คู่ค้าไม่แน่นอน
ยุโรปกำลังเผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้า จีน–สหรัฐฯ และการพึ่งพาวัตถุดิบจากภายนอกมากเกินไป
เวทีที่บรัสเซลส์จึงเน้นการผลักดัน Resilience Economy — ระบบเศรษฐกิจที่ปรับตัวได้ และพึ่งพาตัวเองมากขึ้น เช่น การเร่งลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด การผลิตไมโครชิปในภูมิภาค และการจัดระเบียบห่วงโซ่อุปทานใหม่
3. เทคโนโลยีและ AI: จะร่วมมือหรือแข่งขัน?
ยุโรปอาจไม่ใช่ผู้นำด้าน AI แบบสหรัฐฯ หรือจีน แต่การออกกฎอย่างรวดเร็วในเรื่อง “AI Act” ทำให้ยุโรปเป็นผู้นำด้านจริยธรรมและความปลอดภัย
ครั้งนี้ ผู้นำยุโรปพยายามสร้างฉันทามติว่าจะผลักดัน AI ที่น่าเชื่อถือได้ (Trustworthy AI) เป็นจุดขายในเวทีโลก พร้อมเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพท้องถิ่นเข้าถึงทุนและตลาดในภูมิภาคได้ง่ายขึ้น
4. ท่าทีต่อโลก: ยูโรปา = เสียงใหม่ที่ถ่วงดุล?
หนึ่งในประเด็นเงียบแต่ลึก คือบทบาทของยุโรปในการเป็น “พลังกลาง” ในโลกที่อเมริกา-จีนยังคงแข่งกันอย่างดุเดือด
จากการประชุมมีสัญญาณว่าผู้นำยุโรปเริ่มหันมาใช้คำว่า “Strategic Autonomy” มากขึ้น — หมายถึงการเป็นมหาอำนาจที่ไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง แต่สามารถต่อรองได้บนเวทีโลก
คำถามคือ… ยุโรปพร้อมจริงหรือแค่หวังให้ดูดี?
การประชุมที่บรัสเซลส์ในปีนี้จึงไม่ได้เป็นแค่การออกแถลงการณ์ทั่วไป แต่เป็นเหมือน “สัญญาณเตือนล่วงหน้า” ว่ายุโรปจะไม่ยอมเป็นแค่ผู้ตามอีกต่อไป
แม้จะยังไม่มีคำตอบชัดเจนในหลายด้าน แต่การลงมือจัดระบบใหม่ทั้งหมดในช่วงเปลี่ยนผ่านแบบนี้... ก็คือก้าวแรกของการตั้งเกมใหม่ในศตวรรษที่ 21