แชร์ไวไป = พลาดแรง
ยุคนี้อะไร ๆ ก็เร็ว โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่ข่าวสารกระจายภายในเสี้ยวนาที ธุรกิจหลายแห่งตกเป็นเหยื่อของ “การแชร์ก่อนเช็ก” ไม่ว่าจะเป็นการรีโพสต์ข่าวปลอม, แชร์คอนเทนต์ที่มีเนื้อหาอ่อนไหว, หรือแม้แต่แสดงความคิดเห็นบนประเด็นร้อนโดยขาดข้อมูลที่รอบด้าน ซึ่งล้วนสร้าง “ต้นทุน” ทั้งที่ไม่ควรต้องจ่าย
ต้นทุนที่มากกว่าคำขอโทษ
ต้นทุนที่ว่านี้ไม่ได้จบแค่คำว่า "ขอโทษ" ในโพสต์ถัดไป แต่มันอาจหมายถึง...
-
ความเสียหายต่อชื่อเสียง: ความเชื่อมั่นของลูกค้าหล่นฮวบเพราะมองว่าธุรกิจไร้ความรับผิดชอบ
-
ยอดขายหายไปกับสายลม: แคมเปญดีแค่ไหนก็ไม่ช่วย ถ้าแบรนด์ถูกจับตามองในแง่ลบ
-
เสียเวลาและทรัพยากร: ทีมงานต้องมาตามแก้ไข แถลงข่าว หรือแม้แต่จ้างผู้เชี่ยวชาญมาฟื้นภาพลักษณ์
-
เสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้อง: โดยเฉพาะเมื่อแชร์ข้อมูลเท็จหรือพาดพิงบุคคลโดยไม่ตรวจสอบให้รอบคอบ
โลกออนไลน์ไม่ลืมง่าย
แม้คุณจะแก้ไขโพสต์ ลบคอมเมนต์ หรือขอโทษทันที แต่โลกดิจิทัลมีความจำที่น่ากลัว สกรีนช็อต แชร์ซ้ำ การพูดถึงต่อ ๆ กัน ล้วนทำให้เรื่องที่ “แค่แชร์ผิด” กลายเป็นแผลถาวรในสายตาลูกค้า
ตรวจสอบให้ชัวร์ก่อนแชร์
แน่นอนว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ แต่การมีวัฒนธรรมองค์กรที่เน้น “คิดก่อนคลิก” และฝึกทักษะ Media Literacy ให้กับทีมคอนเทนต์ การตลาด และผู้บริหาร จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก ตัวอย่างแนวปฏิบัติที่ควรนำมาใช้ เช่น
- ตั้งระบบอนุมัติโพสต์โดยมีทีมตรวจสอบ
- ใช้เครื่องมือ Fact-checking จากองค์กรน่าเชื่อถือ เช่น Snopes, FactCheck.org
- อบรมพนักงานเรื่องความรับผิดชอบในการใช้โซเชียลมีเดีย
ความเร็วในโลกออนไลน์อาจดูเท่ แต่ในหลายครั้งก็แพงเกินคุ้ม แชร์แล้วลบได้ก็จริง แต่ความเชื่อใจของผู้บริโภคไม่ใช่สิ่งที่ “โพสต์ใหม่” แล้วได้กลับมาเหมือนเดิมทันที เพราะฉะนั้น ก่อนแชร์ ลองหยุดหายใจสักวินาที แล้วถามตัวเองว่า... “มันจริงไหม?” แล้วแบรนด์คุณจะไม่ต้องจ่ายด้วยต้นทุนที่ไม่ควรเกิด
อ้างอิง:
- Snopes: https://www.snopes.com
- FactCheck.org: https://www.factcheck.org
- Digital Literacy Foundation: https://www.digitalliteracy.org