
หลายคนดื่มน้ำเพราะ “คิดว่าดี” แต่กลับทำร้ายตัวเอง
การดื่มน้ำถูกพูดถึงบ่อยในบทสนทนาเรื่องสุขภาพ หลายคนตั้งใจดื่มวันละ 3 ลิตรขึ้นไปเพราะเชื่อว่าจะช่วยล้างสารพิษ ผิวพรรณดี หรือควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น แต่ความเข้าใจแบบเหมารวมนี้อาจกลายเป็นกับดักที่ทำให้ร่างกายเสียสมดุลโดยไม่รู้ตัว
ปรากฏการณ์ “น้ำดีเกินไป” ที่ร่างกายไม่ต้องการ
Hyponatremia: ดื่มน้ำมากเกินทำให้เกลือแร่ต่ำ
หลายคนไม่รู้ว่า หากดื่มน้ำในปริมาณมากเกินไปในระยะเวลาสั้น ๆ ร่างกายจะเจือจางโซเดียมในเลือด จนเกิดภาวะ Hyponatremia หรือที่เรียกว่า “น้ำเป็นพิษ” ส่งผลให้เวียนหัว คลื่นไส้ ชัก หรือถึงขั้นหมดสติได้
ดื่มเกินที่ไตกรองไหว
ไตของคนทั่วไปสามารถกรองน้ำได้ราว 0.8–1 ลิตรต่อชั่วโมง หากเราดื่มมากกว่านั้นติดต่อกันเป็นเวลานาน ไตก็จะทำงานหนักโดยไม่จำเป็น อาจกลายเป็นภาระเรื้อรังต่อระบบขับถ่าย
พฤติกรรมเข้าใจผิดที่ทำให้เสี่ยง
ตั้งเป้าดื่มน้ำวันละ 3–4 ลิตรเหมือนสูตรสำเร็จ
ความเชื่อที่ว่าต้องดื่ม “8 แก้วต่อวัน” ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เพราะร่างกายแต่ละคนต่างกัน เช่น คนที่ออกกำลังกายหนัก คนอยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน หรือผู้สูงอายุที่ระบบความกระหายลดลง
กลัวกระหายน้ำจนต้องพกขวดจิบตลอดเวลา
การฝืนจิบน้ำทุกๆ 10 นาที โดยไม่มีอาการกระหายน้ำจริง อาจนำไปสู่การสะสมน้ำเกินความจำเป็น และทำให้ร่างกายขับแร่ธาตุที่จำเป็นออกทางปัสสาวะมากเกินไป
ฟังสัญญาณร่างกาย แทนการเชื่อสูตรตายตัว
กระหายน้ำ = สัญญาณที่ยังเชื่อได้
ระบบประสาทของเรายังมีประสิทธิภาพเพียงพอในการบอกว่า “ควรดื่มน้ำเมื่อไหร่” การฝึกสังเกตตัวเอง เช่น สีของปัสสาวะ ความรู้สึกแห้งในปาก หรืออาการวิงเวียนเล็ก ๆ สามารถเป็นแนวทางได้ดีกว่าสูตรที่ใคร ๆ ก็ใช้
อย่าลืมว่าน้ำไม่ได้มาจากการดื่มเท่านั้น
อาหารอย่างผัก ผลไม้ หรือซุปต่าง ๆ มีน้ำในตัวเอง การนับปริมาณน้ำที่เข้าสู่ร่างกายควรคำนึงถึงทั้งหมด ไม่ใช่แค่เฉพาะที่ดื่มจากแก้ว
ทางออก: ดื่มน้ำแบบเข้าใจ ไม่ใช่ดื่มแบบกดดัน
ใช้หลัก “ดื่มเมื่อกระหาย” และ “ปรับตามกิจกรรม”
คนที่ใช้ร่างกายเยอะ สูญเสียเหงื่อมาก ย่อมต้องการน้ำมากกว่าคนที่อยู่ในห้องแอร์ทั้งวัน ลองให้ความสำคัญกับกิจกรรมประจำวัน แล้วปรับปริมาณน้ำให้สมดุล ไม่ต้องเท่ากับใคร
เช็คง่าย ๆ ว่าดื่มพอหรือยัง
-
สีปัสสาวะ: ควรเป็นสีเหลืองอ่อน
-
ความรู้สึกกระหาย: ไม่ควรเกิดบ่อยเกินไป
-
ผิวแห้ง ปากแห้ง: สัญญาณว่าร่างกายขาดน้ำ
หลายคนดื่มน้ำด้วยความตั้งใจดี แต่บางครั้งความเข้าใจผิดอาจทำให้ร่างกายต้องรับภาระโดยไม่จำเป็น การฟังสัญญาณจากตัวเอง สำคัญกว่าการเดินตามสูตรที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเราเสมอไป บางทีความรู้สึกกระหายน้ำ ก็อาจเป็นหนึ่งในเสียงที่ร่างกายอยากให้เรารับฟังตั้งแต่แรก