
ในยุคที่โลกร้อนขึ้นทุกวัน "เทคโนโลยีสีเขียว" หรือ Green Technology (GreenTech) ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ แต่คือทางรอดของมนุษยชาติ และในประเทศไทยเองก็เริ่มเห็นการเติบโตของกลุ่มสตาร์ตอัพที่ผสมผสานนวัตกรรมเข้ากับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างน่าจับตา หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเบื้องหลังโครงการจัดการขยะอัจฉริยะในเมืองท่องเที่ยว หรือแพลตฟอร์มติดตามคาร์บอนฟุตพรินต์ของธุรกิจ SME ก็มาจากฝีมือของคนไทยที่เลือกเดินทางสายกรีน
ตัวอย่างสตาร์ตอัพกรีนเทคไทยที่น่าจับตา
- Environman Lab – สตาร์ตอัพที่สร้างระบบ AI คัดแยกขยะในสถานที่สาธารณะ เช่น ห้างฯ และสนามบิน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรีไซเคิลโดยไม่ต้องเพิ่มแรงงานคน
- Energysquare – พัฒนาเทคโนโลยี IoT ที่ตรวจวัดและบริหารพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้านและโรงงานอย่างเรียลไทม์
- Carbon Impact – แพลตฟอร์ม SaaS สำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงกลาง ใช้คำนวณและรายงานคาร์บอนฟุตพรินต์ เพื่อเตรียมเข้าสู่มาตรฐาน ESG
สิ่งที่น่าสนใจคือ สตาร์ตอัพเหล่านี้ไม่ได้แค่หวังสร้างกำไร แต่ยังตั้งเป้าสร้าง "ผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและโลก" โดยมีโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนเป็นแกนกลาง ไม่ใช่เพียง CSR
แรงผลักเบื้องหลังการเติบโต
- ตลาด ESG บูม: นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศหันมาให้ความสนใจบริษัทที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้สตาร์ตอัพสายกรีนมีโอกาสในการระดมทุน
- แรงหนุนจากรัฐและเอกชน: มีโครงการส่งเสริม เช่น การลดหย่อนภาษี หรือทุนสนับสนุนจากหน่วยงานอย่าง NIA หรือ depa
- กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่: คนเจนใหม่ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ "คิดถึงโลก" ทำให้ตลาดสินค้ากรีนเติบโตตามไปด้วย
บางครั้งการเปลี่ยนโลกอาจไม่ต้องเริ่มจากนวัตกรรมระดับโลก แค่ลงมือในจุดที่เราอยู่ ก็อาจเป็นหนึ่งในแรงขับที่ทำให้เมืองไทยกลายเป็นศูนย์กลางของกรีนเทคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เช่นกัน — คำถามคือ เราพร้อมจะสนับสนุนพวกเขาหรือยัง?
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- NIA: www.nia.or.th
- depa: www.depa.or.th
- รายงาน ESG Trends 2025 – World Economic Forum