
โลกเปลี่ยน ขุนนางก็เปลี่ยน
ในอดีต เจ้าขุนมูลนายคือกลุ่มคนที่มีอำนาจเหนือผู้อื่น ไม่ว่าจะด้วยฐานะ ชาติกำเนิด หรือความใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจ แต่เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยเฉพาะยุคที่ AI เข้ามาเปลี่ยนแปลงแทบทุกวงการ คำว่า “เจ้าขุนมูลนาย” ก็ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องแบบหรือวังอีกต่อไป แต่อาจเป็นใครก็ได้ ที่ถือครอง พลังแห่งข้อมูลและเทคโนโลยี
ใครถือกุญแจแห่งอำนาจใหม่?
ลองมองไปรอบตัว — บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (เช่น Google, Meta, Amazon, Microsoft หรือ Alibaba) ไม่ได้เป็นเพียงองค์กรธุรกิจธรรมดา แต่กลายเป็น ผู้คุมกฎเบื้องหลัง การเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และพฤติกรรมของผู้คน
พวกเขาคือเจ้าขุนมูลนายยุคใหม่ ที่ไม่ได้เก็บภาษีจากชาวนา แต่เก็บ ข้อมูล จากผู้ใช้งานทุกคน
แต่ไม่ใช่แค่บริษัทใหญ่เท่านั้น…
นักพัฒนาอัลกอริธึม, ผู้ถือครองโมเดล AI, ไปจนถึงผู้ควบคุมระบบ Infrastructure อย่าง Cloud Provider ก็กลายเป็นชนชั้นสูงทางเทคโนโลยีไปโดยปริยาย
ประชาชนกลายเป็นอะไร?
ในระบบศักดินา ประชาชนคือ "ไพร่" ที่ต้องอยู่ภายใต้ระบบเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ชนชั้นสูง
ในโลก AI — ผู้ใช้งานธรรมดาอาจกลายเป็นแค่ “แหล่งฝึก AI” โดยไม่รู้ตัว
-
ข้อมูลที่คุณโพสต์
-
คำที่คุณค้นหา
-
เสียง ภาพ ใบหน้า พิกัด ฯลฯ
ทั้งหมดนี้กำลังถูกเก็บ รวบรวม วิเคราะห์ และนำไปสร้างผลิตภัณฑ์ที่ "ไม่ใช่ของคุณ" แต่คุณต้องจ่ายเงินเพื่อใช้งานมันในภายหลัง
AI Feudalism: ศักดินาเวอร์ชันอัปเกรด
นักวิชาการบางคนเริ่มใช้คำว่า “AI Feudalism” เพื่ออธิบายสังคมที่ชนชั้นควบคุม AI มีอำนาจล้นเหลือ ขณะที่ประชาชนทั่วไปไม่มีเครื่องมือหรือสิทธิในการควบคุม AI ที่มีผลกับชีวิตของตัวเอง
มันไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีอย่างเดียวอีกต่อไป
แต่มันคือเรื่อง อำนาจ การควบคุม และสิทธิในการมีเสียง
เราควรยอมรับ หรือร่วมออกแบบอนาคต?
คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ “ใครเป็นเจ้าขุนมูลนาย”
แต่คือ “เราจะยอมอยู่ใต้ระบบนี้แบบไม่ตั้งคำถามไปอีกนานแค่ไหน?”
จะเป็นเพียงผู้ใช้ที่ส่งข้อมูลให้ระบบ...
หรือจะเป็นผู้มีส่วนร่วมออกแบบระบบให้เป็นธรรมและยั่งยืนกว่าเดิม?
เพราะยุคใหม่ไม่ได้มีแค่ AI — แต่มีเราอยู่ในนั้นด้วย
ใครจะเป็นเจ้าขุนมูลนายในอนาคต ยังไม่แน่
แต่ที่แน่ ๆ คือการไม่ตั้งคำถาม ไม่เรียนรู้ และไม่รวมพลังกัน อาจทำให้เรากลายเป็นไพร่โดยไม่รู้ตัว