
ในยุคที่ทุกอย่างกำลังเชื่อมต่อกันแบบ “อัจฉริยะ” ตั้งแต่กล้องวงจรปิดถึงโรงงานอัตโนมัติ ไปจนถึงรถไร้คนขับ มีคลื่นความถี่หนึ่งที่แทบไม่เคยเป็นข่าวหน้าหนึ่ง...แต่มันกำลังเปลี่ยนเกม — คลื่น 26 GHz
หลายคนอาจนึกถึง 5G ว่าเป็นเรื่องของมือถือเร็วแรง แต่ความจริงคือคลื่นแต่ละย่านมีหน้าที่ไม่เหมือนกัน และ 26 GHz นั้นคือ “หัวใจ” ของสิ่งที่เรียกว่า IoT แบบมวลมหาประชาชน (Massive IoT)
คลื่นนี้มีอะไรพิเศษ?
คลื่น 26 GHz หรือที่เรียกว่าย่าน millimeter wave (mmWave) มีความสามารถในการส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงมากและมีความหน่วงต่ำสุด ๆ — หมายความว่าเหมาะกับการใช้งานที่ “ต้องตอบสนองทันที” เช่น:
-
โรงงานอัจฉริยะ (Smart Factory) ที่เครื่องจักรสื่อสารกันเองแบบเรียลไทม์
-
รถยนต์ไร้คนขับ ที่ต้องส่งข้อมูลรอบตัวตลอดวินาที
-
เมืองอัจฉริยะ ที่ไฟจราจร กล้อง มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไปจนถึงถังขยะ “คุยกัน” ได้หมด
แล้วใครได้คลื่นนี้?
ประเทศไทยเปิดประมูลคลื่น 26 GHz ไปเมื่อปี 2563 โดยมีผู้เล่นใหญ่ในวงการโทรคมนาคมได้ไปครองหลายล็อต
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ... การใช้คลื่นนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ประชาชนรู้
เพราะมันถูกใช้ในระบบ “เบื้องหลัง” เช่น กล้อง AI บนถนน, ระบบควบคุมจราจร, หุ่นยนต์ในโรงงาน หรือเซนเซอร์ในระบบสาธารณูปโภค — ไม่มีโฆษณา ไม่มีแพ็คเกจมือถือ ไม่มีแม้แต่โลโก้ให้เห็น
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ?
ลองนึกภาพว่า ถ้าใครครองเครือข่ายนี้ได้ก่อน พวกเขาอาจกลายเป็น คนกลางของทุกการเชื่อมต่อ
ไม่ใช่แค่ให้บริการ...แต่กลายเป็นผู้กำหนดรูปแบบของ โครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต
คล้ายกับการวางท่อประปาทั่วประเทศ โดยไม่มีใครรู้ว่าท่อนี้อยู่ในมือใคร
ยิ่งไปกว่านั้น การพัฒนา IoT บน mmWave ยังต้องอาศัย ระบบโครงข่ายเฉพาะทาง เช่น edge computing, core network ที่ปรับจูนให้รองรับดีเลย์ต่ำ รวมถึงความร่วมมือกับองค์กรรัฐและเอกชนจำนวนมาก — ใครที่เริ่มก่อน สร้าง ecosystem ได้ก่อน ก็ได้เปรียบแบบทวีคูณ
แม้คลื่น 26 GHz จะดูไกลตัว แต่มันคือจิ๊กซอว์ของชีวิตประจำวันในโลกใหม่
การรู้ว่าใครถือครอง และใช้งานอย่างไร คือจุดเริ่มต้นของ การมองเห็น “อำนาจใหม่” ที่ไม่อยู่ในมือเดิม
บางที อุตสาหกรรมในอนาคตอาจไม่ได้เริ่มที่โรงงาน แต่เริ่มที่ “คลื่นความถี่” ที่ส่งข้อมูลระหว่างทุกสิ่ง