
ปรากฏการณ์: เมื่อ “เรตติ้ง” กลายเป็นเป้าหมายสูงสุด
ยุคที่ข้อมูลทะลักเข้าหาผู้คนผ่านมือถือในทุกนาที สื่อต้องดิ้นรนเพื่อไม่ให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นข่าวไวรัล กระแส TikTok หรือคอนเทนต์ AI ที่ผุดขึ้นทุกชั่วโมง การ “วิ่งตามขบวน” จึงกลายเป็นกลยุทธ์หลักของหลายสำนักข่าว
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด
- เว็บไซต์ข่าวรายวันหลายแห่งปรับหัวข้อข่าวให้เข้ากับเทรนด์ Twitter - รายการทีวีเปลี่ยนแนวทันทีเมื่อเนื้อหาเดิม “ไม่ปัง” บนโซเชียล - บางสำนักถึงขั้นให้ AI สร้างข่าวแบบอัตโนมัติ เพื่อแข่งกับเวลา แม้จะดูเหมือนตามทันโลก แต่คำถามสำคัญคือ: แล้วขบวนที่ “ควรสร้างเอง” หายไปไหน?
สาเหตุ: เมื่อความกลัวกลายเป็นคนบงการเนื้อหา
ความกลัว “ไม่ทันกระแส” เป็นแรงผลักดันที่ทรงพลังในวงการสื่อยุคนี้ กลัวเสียยอดวิว กลัวตกเทรนด์ กลัวรายได้หด กลัว “แพ้” คู่แข่งที่อัปเดตก่อนเพียงไม่กี่วินาที
กระบวนการผลิตข่าวแบบด่วนจี๋
- ลดเวลา fact-check - เน้นภาพสะเทือนอารมณ์ - ใช้คำแรงเพื่อดึงคลิก ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากเจตนาร้าย แต่อาจเป็นผลจากระบบที่วางรางวัลไว้ผิดจุด — คือวัด “มูลค่า” ของข่าวจากยอดแชร์ มากกว่า “คุณค่า” ต่อสังคม
ผลกระทบ: สังคมที่วิ่งตามข่าว...แต่ไม่เข้าใจโลก
เมื่อข่าวถูกผลิตเพื่อเรียกยอดวิว สาระสำคัญก็มักถูกกลบด้วยความฉาบฉวย คนเสพข่าวจำนวนมากรู้ว่า “เกิดอะไรขึ้น” แต่ไม่รู้ว่า “ทำไมมันถึงเกิดขึ้น” หรือ “จะคิดกับมันอย่างไร”
สิ่งที่กำลังหายไป
- พื้นที่ของคำถาม ไม่ใช่แค่คำตอบ - การตีความและวางบริบท - การกล้าตั้งประเด็นใหม่ ไม่ใช่แค่สรุปสิ่งที่เกิดขึ้น
ทางออก: กลับไปสร้างขบวนที่สื่อควรเป็น
แทนที่จะวิ่งตาม เราอาจต้องเริ่ม “หยุดคิด” และหันมาสร้าง “ขบวนใหม่” ที่ตั้งต้นจากสิ่งที่สื่อมีคุณค่าจริง ๆ — คือความสามารถในการวางคำถามที่โลกยังไม่ได้ถาม และเปิดพื้นที่ให้คนธรรมดาได้คิดร่วมกัน
บางแนวทางที่เป็นไปได้
- พัฒนาคอนเทนต์เชิงลึกที่ตามหลังแต่มีคุณภาพ - ใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อเสริมความเข้าใจ ไม่ใช่เร่งผลิตซ้ำ - ฟังเสียงคนดู แล้วกล้าบอกเล่ามุมที่ยังไม่มีใครพูด
บางครั้งการ “ไม่ทัน” อาจไม่ได้แย่ หากสิ่งที่เราทำ “ลึกกว่า” และ “ยั่งยืนกว่า” ขบวนที่ใครต่อใครวิ่งตามโดยไม่รู้จุดหมาย