
ปรากฏการณ์: ทักษะตกขบวนในยุคเปลี่ยนผ่าน
แรงงานไทยจำนวนไม่น้อยกำลังเผชิญกับความจริงที่ไม่ง่าย — เรามีแรง แต่ไม่มีทักษะที่โลกต้องการ ไม่ใช่แค่คนไร้งาน แต่แม้แต่คนที่มีงานทำอยู่ ก็เริ่มรู้สึกว่า “สิ่งที่เคยรู้ ใช้ไม่ได้แล้ว” เพราะเครื่องจักรทำแทน หรือระบบใหม่เข้ามาแทนที่ จากรายงานของธนาคารโลก (World Bank) พบว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหา "Skill Mismatch" ในหลายภาคส่วน แรงงานจำนวนมากไม่มีทักษะที่ตลาดต้องการ ขณะที่ตำแหน่งงานใหม่ ๆ ที่ต้องการทักษะดิจิทัลกลับขาดคน
สาเหตุ: โครงสร้างการศึกษา – ระบบฝึกอบรม – วัฒนธรรมการเรียนรู้
1. ระบบการศึกษายังช้าเกินไป
หลายหลักสูตรในระดับอาชีวะและมหาวิทยาลัยยังเน้นทฤษฎีมากกว่าทักษะที่ตลาดงานต้องการจริง การสอน Coding, AI, Data หรือ Soft Skills ยังไม่แพร่หลาย และไม่เข้าใจบริบทของงานจริง
2. การฝึกอบรมในองค์กรยังจำกัด
องค์กรขนาดเล็ก-กลาง (SME) ส่วนใหญ่ไม่มีทรัพยากรในการฝึกอบรมพนักงานอย่างต่อเนื่อง แม้แต่บริษัทใหญ่ก็ยังให้ความสำคัญกับ Productivity มากกว่าการพัฒนาคน
3. คนไทยเรียนแล้วจบ ไม่ได้เรียนตลอดชีวิต
การเรียนรู้ต่อเนื่อง (Lifelong Learning) ยังไม่เป็นวัฒนธรรมในสังคมไทย หลายคนมองว่า “หมดวัยเรียนแล้ว” ก็ไม่จำเป็นต้องอัปเดตทักษะใหม่ ๆ อีก
ผลกระทบ: ช่องว่างที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
ทักษะที่ขาดหายไม่ได้ส่งผลเฉพาะปัจเจกเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ
-
ตำแหน่งงานใหม่ด้านเทคโนโลยีไม่มีคนทำ
-
รายได้ของแรงงานไม่เพิ่ม เพราะไม่มีทักษะเพิ่ม
-
ประเทศเสียโอกาสแข่งขัน เพราะ Productivity โดยรวมต่ำลง
และที่สำคัญคือ "คนรุ่นกลาง" ที่เคยเป็นกำลังหลักของประเทศ กำลังหลุดวงจรเพราะไม่รู้จะเรียนรู้อะไรใหม่ และเริ่มไม่มั่นใจในอนาคตตัวเอง
ทางออก: จากแรงงานเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต
ทางรอดของแรงงานไทยไม่ใช่แค่ “เปลี่ยนอาชีพ” แต่คือ เปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับทักษะ
1. เริ่มจากตัวเองก่อน: หาความรู้ฟรีมีอยู่มากมาย
มีแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ฟรีทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เช่น ThaiMOOC, Coursera, YouTube คนที่ลงมือเรียนรู้ก่อน จะได้เปรียบ แม้ไม่มีใบปริญญาใหม่
2. ภาครัฐต้องปรับหลักสูตรเร็วขึ้น
หากไม่ปฏิรูประบบการศึกษาและฝึกอบรมแรงงาน การพัฒนาเศรษฐกิจไทยจะชะงักอยู่แค่ “แรงงานราคาถูก”
3. สังคมต้องส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้ใหม่
การเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องของเด็กหรือคนเก่ง แต่คือเรื่องของ “ทุกคนที่ยังอยากอยู่รอด” ถ้าเราเปลี่ยนจาก “เรียนเพื่อจบ” เป็น “เรียนเพื่อรอด” ระบบทั้งระบบก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนตาม บางครั้งสิ่งที่ยากไม่ใช่การเรียนรู้สิ่งใหม่ — แต่คือการยอมรับว่า "สิ่งที่เคยรู้" อาจไม่พออีกต่อไปแล้ว
ถ้าเราไม่เริ่มตั้งคำถามว่า “วันนี้เรารู้พอหรือยัง?” คำตอบของอนาคตอาจไม่ได้เป็นของเราอีกต่อไปก็ได้
ข้อมูลอ้างอิง
- World Bank Thailand Skill Mismatch Report
- UNESCO Lifelong Learning Framework
- กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน