
ถ้าใครยังคิดว่าเงินต้องอยู่ในธนาคารเท่านั้น อาจจะตกยุคโดยไม่รู้ตัวแล้ว เพราะวันนี้คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเริ่มโอนความไว้วางใจจากธนาคาร ไปยังระบบที่ไม่มีธนาคารอยู่ตรงกลางเลย — เราเรียกมันว่า DeFi หรือ Decentralized Finance
DeFi คืออะไร (แบบไม่ต้องจำศัพท์ยาก)
DeFi คือระบบการเงินที่ทำงานผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยไม่มีธนาคารหรือสถาบันกลางคอยควบคุม ไม่ต้องมีพนักงาน ไม่ต้องเซ็นเอกสาร ไม่มีเวลาปิดทำการ และไม่ต้องขออนุญาตใครเวลาจะโอนเงินหรือทำธุรกรรม
การโอนเงิน การกู้ยืม การฝากดอกเบี้ย หรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนสกุลเงิน สามารถเกิดขึ้นได้โดยตรงระหว่างผู้ใช้ผ่าน “Smart Contract” หรือชุดคำสั่งอัตโนมัติที่ทำงานแทนธนาคาร
นึกภาพง่าย ๆ ว่า DeFi คือ “ธนาคารที่ไม่มีคน แต่ทุกอย่างทำงานได้ด้วยรหัสโปรแกรม”
แล้วทำไมคนรุ่นใหม่ถึงเริ่มหันมาใช้ DeFi?
-
รวดเร็วและเข้าถึงง่าย
แค่มีมือถือกับกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) ก็สามารถใช้งานได้ ไม่ต้องเปิดบัญชี ไม่ต้องรออนุมัติ -
ดอกเบี้ยดีกว่า
แพลตฟอร์ม DeFi บางแห่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินกับธนาคารหลายเท่า -
ไม่มีการควบคุมจากส่วนกลาง
ไม่มีการปิดบัญชี หรือระงับธุรกรรม เพราะไม่มีใครเป็นเจ้าของระบบทั้งหมด -
เปิดกว้างสำหรับนวัตกรรม
ใครก็สามารถสร้างแอปทางการเงินของตัวเองบนเครือข่ายบล็อกเชนได้
ตัวอย่างการใช้งาน DeFi ในชีวิตจริง
-
คนไทยบางส่วนใช้ DeFi เพื่อกู้ยืมโดยไม่ต้องใช้เอกสาร เช่น ใช้คริปโตเคอร์เรนซีของตัวเองเป็นหลักประกัน แล้วกู้ Stablecoin ออกมาใช้ได้ทันที
-
การลงทุนในฟาร์มผลตอบแทน (Yield Farming) ที่คนรุ่นใหม่ใช้เพื่อเพิ่มรายได้แบบ passive income โดยการฝากเหรียญคริปโตให้ระบบนำไปใช้ แล้วได้รับดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน
-
โอนเงินข้ามประเทศแบบไม่ต้องผ่าน SWIFT ไม่เสียเวลาหลายวัน ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแพง
แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีความเสี่ยง
DeFi ยังอยู่ในระยะที่เติบโตเร็วมาก พร้อมทั้งมีความเสี่ยงจากการถูกแฮ็ก การเขียนโปรแกรมผิดพลาด หรือราคาของคริปโตที่ผันผวน หากใครจะลองใช้งาน ควรศึกษาก่อนให้เข้าใจ ไม่ควรลงเงินทั้งหมดแบบไม่วางแผน
บางคนบอกว่า DeFi จะมาแทนธนาคาร แต่จริง ๆ แล้ว มันอาจไม่ได้มาแทนทั้งหมด แต่อาจกลายเป็น “ทางเลือก” สำหรับคนที่ไม่พอใจกับระบบเดิม และกล้าจะลองทางใหม่ที่ไม่มีใครควบคุม ความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ถามว่าเราพร้อมหรือไม่ แต่กำลังเกิดขึ้นในมือของคนที่ถือมือถืออยู่ตอนนี้