
ปรากฏการณ์: GDP โต แต่เงินในประเทศไม่หมุน
แม้ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมจะดูดีจากการส่งออกสินค้า เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรืออาหารแปรรูป แต่คำถามคือ—แล้วคนธรรมดาในประเทศรู้สึกดีขึ้นจริงไหม? สิ่งที่เกิดขึ้นคือรายได้จากการส่งออกส่วนใหญ่มักไหลกลับไปยังบริษัทใหญ่หรือทุนต่างชาติ ขณะที่ระบบเศรษฐกิจภายใน—ทั้งผู้บริโภค รายย่อย หรือแรงงาน—กลับถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เมื่อเงินไหลออก แต่ไม่หมุนกลับเข้าชุมชน
ลองสังเกตดูง่าย ๆ: เมื่อโรงงานได้ออเดอร์จากต่างประเทศ รายได้ก็อาจกระจุกอยู่ในผู้ถือหุ้นใหญ่ แทนที่จะหมุนเข้าร้านค้าเล็ก ๆ หรือบริการในพื้นที่ ถ้าเศรษฐกิจในประเทศไม่มีกลไกดูดซับเม็ดเงินเหล่านี้ไว้ ผลคือ “โตบนกระดาษ แต่เปราะบางในชีวิตจริง”
สาเหตุ: พึ่งพาต่างชาติ แต่ไม่มีรากฐานในประเทศ
ระบบเศรษฐกิจที่เน้นส่งออกอย่างเดียวโดยไม่สร้างรากฐานภายในประเทศ เปรียบได้กับเรือที่แล่นได้ไว แต่ไม่มีหางเสือคอยควบคุม
แรงงานราคาถูก = จุดขาย หรือกับดักระยะยาว?
หลายอุตสาหกรรมไทยยังแข่งขันด้วย “ต้นทุนแรงงานต่ำ” แทนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีหรือคุณค่าในตัวสินค้า นี่อาจช่วยให้ส่งออกดีในระยะสั้น แต่ไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจภายในเติบโตไปพร้อมกัน
ขาดระบบ “กันกระแทก” เวลาภายนอกสะเทือน
เมื่อเกิดวิกฤตภายนอก เช่น สงคราม เศรษฐกิจโลกถดถอย หรือโลจิสติกส์สะดุด เศรษฐกิจไทยก็เป๋ทันที เพราะไม่มีฐานผู้บริโภคหรือการผลิตเพื่อใช้เองเป็นกันชน
ผลกระทบ: คนในประเทศไม่รู้สึกว่า “โต” ไปด้วย
ในขณะที่กระทรวงฯ รายงานว่า GDP โตขึ้น 2–3% ต่อปี แต่ร้านค้าเล็ก ๆ กลับปิดตัวลง ตลาดนัดเงียบเหงา และยอดขายรายวันของแม่ค้าก็ลดลงอย่างน่าใจหาย
รายได้ไม่สัมพันธ์กับค่าครองชีพ
แม้ภาครัฐจะบอกว่า “เศรษฐกิจฟื้นตัว” แต่ค่าครองชีพที่พุ่งสูงกลับทำให้คนจำนวนมากรู้สึกแย่ลง นี่คือสัญญาณชัดว่าเศรษฐกิจโตแบบไม่มีความทั่วถึง
ความเหลื่อมล้ำลึกขึ้น แม้ภาพรวมดูดี
ถ้ารายได้ของกลุ่มผู้มีอำนาจทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่มีเงินออม หรือไม่มีหลักประกันชีวิต นั่นแปลว่าเศรษฐกิจเรา “โตแบบเปราะบาง”
ทางออก: สร้างเศรษฐกิจที่เริ่มจากในประเทศ
สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่เพียงแค่ “เพิ่มยอดส่งออก” แต่คือการสร้างรากฐานในประเทศให้มั่นคงพอที่เศรษฐกิจจะพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น
ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อย
หากรัฐให้ความสำคัญกับธุรกิจในประเทศให้มากเท่ากับการดึงการลงทุนต่างชาติ เศรษฐกิจในระดับฐานรากจะมีโอกาสเติบโตและรับมือความเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น
ลงทุนในระบบภายใน เช่น การศึกษา สาธารณสุข โลจิสติกส์
การที่ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานอย่างมีคุณภาพ จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการใช้จ่ายหมุนเวียน ซึ่งสุดท้ายจะช่วยให้ระบบเศรษฐกิจภายในเข้มแข็งขึ้นอย่างยั่งยืน
บางทีคำถามสำคัญไม่ใช่แค่ “ส่งออกได้เท่าไหร่” แต่คือ “คนในประเทศมีแรงพอจะใช้ชีวิตไหม” เพราะถ้ารากในประเทศอ่อนแอ ต่อให้พึ่งพาต่างชาติได้แค่ไหน ก็แค่เศรษฐกิจที่พร้อมล้มเมื่อแรงกระแทกมาถึง