
ฤดูฝนปีนี้: ความปกติใหม่ที่ไม่ปกติ
กรมอุตุนิยมวิทยาและหลายสถาบันพยากรณ์ตรงกันว่า ปี 2568 นี้ฤดูฝนของไทยจะเริ่มเร็วกว่าปกติ และมีโอกาสเกิดฝนตกหนักในช่วงสั้น ๆ บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกที่มักเจอปัญหาน้ำระบายไม่ทัน ปรากฏการณ์ “ฝนตกกระหน่ำเฉียบพลัน” ซึ่งมักเกิดในช่วงบ่ายถึงเย็น กลายเป็นปกติใหม่ที่ทำให้หลายบ้านไม่ทันตั้งตัว
ทำไมปีนี้น้ำท่วมฉับพลันจึงน่ากังวล
1. พื้นที่เมืองยังระบายน้ำได้ช้า
โครงสร้างพื้นฐานในหลายเขตเมืองยังไม่ทันกับจำนวนฝนที่ตกลงมาในระยะเวลาอันสั้น ท่อระบายน้ำตัน ผิวถนนทรุด และขยะสะสม ล้วนเป็นตัวเร่งให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันแม้ฝนจะตกไม่ถึง 2 ชั่วโมง
2. ความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ
จากภาวะโลกร้อนทำให้ระบบฝนมีความแปรปรวน ฝนไม่ตกตามฤดูกาล บางพื้นที่เจอฝนล่าช้า บางแห่งเจอฝนหนักจนเกินรับไหวในเวลาอันสั้น
เคล็ดลับเตรียมบ้านให้พร้อม ก่อนน้ำมาถึง
1. สำรวจทางน้ำรอบบ้าน
เริ่มจากดูรอบบ้านว่าระบบระบายน้ำยังทำงานได้หรือไม่ รางน้ำฝน ท่อใต้บ้าน หรือท่อรวมในหมู่บ้านมีสิ่งอุดตันหรือเปล่า หากพบว่าไหลช้าหรือมีน้ำขัง ควรเร่งทำความสะอาดหรือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที
2. เก็บของมีค่าขึ้นที่สูงเสมอ
แม้ฝนจะยังไม่มา แต่อุปกรณ์ไฟฟ้า เอกสารสำคัญ หรือของมีค่า ควรเก็บในจุดที่พ้นจากระดับพื้นอย่างน้อย 50 เซนติเมตรเสมอ อย่าเสี่ยงเก็บไว้ชั้นล่างถ้าไม่จำเป็น
3. ติดตั้งอุปกรณ์กันน้ำย้อนและป้องกันกระแสไฟ
หากอยู่ในพื้นที่เสียงน้ำท่วม ควรติดตั้งวาล์วกันน้ำย้อนในท่อระบายน้ำ และปลั๊กไฟควรอยู่เหนือพื้นระดับสูง หรือใช้เบรกเกอร์ตัดไฟอัตโนมัติที่แยกเฉพาะชั้นล่าง
4. เตรียม “ชุดอพยพฉุกเฉิน” สำหรับทั้งบ้าน
ชุดนี้ควรมีไฟฉาย, แบตสำรอง, น้ำดื่ม, อาหารแห้ง, เอกสารสำคัญ, ยา และเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง เก็บไว้ในกล่องหรือถุงกันน้ำที่หยิบใช้ได้ทันทีหากต้องอพยพ
คำถามที่หลายคนมองข้าม: เราพร้อมจริงหรือยัง?
หลายบ้านเตรียมรับมือฝนด้วยการซื้อร่มหรือกันสาด แต่ลืมมองถึง “จุดอ่อนในโครงสร้าง” ที่อาจพังทันทีเมื่อเจอฝนหนัก เช่น ผนังรั่ว, ประตูที่น้ำซึม, หรือรอยต่อระหว่างพื้นกับผนัง บ้านที่ดูดีในวันที่แห้ง อาจกลายเป็นจุดเสี่ยงทันทีเมื่อฝนแรกมาเยือน
การเตรียมพร้อมไม่ใช่เรื่องแพนิก แต่คือการยอมรับว่า “ฝนหนัก” กลายเป็นเรื่องธรรมดาใหม่ที่เราอยู่ร่วมกับมันได้อย่างฉลาด หากบ้านคือที่ปลอดภัยที่สุดของเรา การกันฝนไม่ให้กลายเป็นน้ำท่วม...คือภารกิจที่ไม่ควรรอให้พังแล้วค่อยซ่อม
ข้อมูลอ้างอิง
- กรมอุตุนิยมวิทยา (www.tmd.go.th)
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
- บทความวิชาการด้าน climate adaptation จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์