
เมืองหลวงในบทบาทเจ้าภาพ: ไม่ใช่แค่สร้างสนาม แต่คือการสร้างความเชื่อมั่น
เมื่อพูดถึงการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทยระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคม 2025 หลายคนคงรู้แล้วว่า กรุงเทพมหานคร รวมถึง ชลบุรี และ สงขลา คือ 3 จังหวัดหลักที่จะร่วมเป็นเจ้าภาพ
แต่คำถามสำคัญคือ “กรุงเทพฯ พร้อมแค่ไหน?” โดยเฉพาะเมื่อโลกจับตามอง และการเป็นเจ้าภาพในยุคนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการจัดการแข่งขันเท่านั้น
จากสนามสู่ระบบ: โครงสร้างพื้นฐานคือหัวใจ
การเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ไม่ได้หมายถึงการมีสนามกีฬาที่ได้มาตรฐานเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีระบบการคมนาคมที่เชื่อมโยงได้อย่างสะดวก ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย และการสื่อสารข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่รองรับผู้ชมหลายล้านคน
กรุงเทพฯ เองมีความได้เปรียบเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบขนส่งมวลชน รถไฟฟ้าหลายสาย และสนามบินที่มีความสามารถในการรองรับผู้โดยสารระดับนานาชาติ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า การจราจรและความหนาแน่นของเมืองยังคงเป็นโจทย์ใหญ่
บทเรียนจากอดีต และแรงผลักจากอนาคต
ย้อนกลับไปปี 2007 ครั้งล่าสุดที่ไทยเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ แม้ภาพรวมจะจัดได้เรียบร้อย แต่ยุคนั้นยังไม่มีความคาดหวังด้าน Smart Sports City หรือระบบ Live Data สำหรับผู้ชมและนักกีฬาเหมือนในปัจจุบัน
ปี 2025 จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะยกระดับมาตรฐานการแข่งขันสู่ระดับใหม่ — เช่น ระบบติดตามผลแบบเรียลไทม์, สนามแข่งขันที่มีพลังงานสะอาด, และแอปพลิเคชันกลางสำหรับผู้ร่วมงานทุกฝ่าย
SEA Games กับ Soft Power ที่ไม่ควรมองข้าม
การแข่งขันกีฬาระดับภูมิภาคยังเป็นเวทีสำคัญในการส่งออกวัฒนธรรมไทย ไม่ว่าจะผ่านพิธีเปิด, แฟชั่น, อาหาร, หรือแม้แต่เสียงเชียร์จากกองเชียร์ไทย หากกรุงเทพฯ ใช้โอกาสนี้อย่างชาญฉลาด นี่อาจเป็นจุดเริ่มของการวางรากฐาน เมืองเจ้าภาพระดับนานาชาติ ได้เลยทีเดียว
แล้วคนกรุงเทพฯ พร้อมไหม?
สุดท้ายแล้ว ความพร้อมของเมืองไม่ได้วัดแค่ที่อาคารหรือเทคโนโลยี แต่ยังวัดจาก คนที่อาศัยอยู่ในเมือง ด้วย
จะน่าสนใจแค่ไหน หากคนกรุงเทพฯ ได้มีส่วนร่วมมากกว่าการเป็น “ผู้สังเกตการณ์” เช่น อาสาสมัคร, โครงการต้อนรับนักกีฬา, หรือกิจกรรมร่วมเชียร์ทั่วเมือง
บางที คำว่า “เจ้าภาพที่ดี” อาจไม่ได้เริ่มจากการลงทุนเป็นพันล้านบาท แต่มาจากรอยยิ้ม และความเข้าใจเล็ก ๆ ของคนธรรมดานี่แหละ