
อาชีพนักกีฬาในไทย: ฝันไกล แต่ระบบยังอยู่กับที่
"โตขึ้นอยากเป็นนักกีฬา" เป็นคำตอบที่เด็กไทยหลายคนเคยพูดไว้ด้วยประกายตา แต่เมื่อเติบโตขึ้น ความฝันนี้กลับเจอความจริงที่ไม่ง่าย เพราะแม้ความสามารถจะไปได้ไกล แต่ระบบกลับยังอยู่กับที่
เส้นทางของความฝันที่ขรุขระ
ในหลายประเทศ อาชีพนักกีฬาเป็นเส้นทางที่มีรายได้มั่นคง มีระบบฝึกฝน สนับสนุนทั้งทุน ทรัพยากร และความต่อเนื่อง แต่ในไทย กลับเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
ลองดูทีมชาติไทยในกีฬาต่าง ๆ จะพบว่ามีนักกีฬาหลายคนที่พัฒนาฝีมือได้ไกลระดับโลก แต่พอจบทัวร์นาเมนต์ ก็กลับไปใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาที่ต้องดิ้นรนหางานทำ เพราะระบบไม่สามารถรองรับให้อาชีพนักกีฬาอยู่ได้จริงในระยะยาว
เมื่อ “ระบบ” ไม่พร้อมสำหรับคำว่า “อาชีพ”
การเป็นนักกีฬาในไทยยังถูกมองว่าเป็นทางเลือกชั่วคราว ไม่ใช่ "อาชีพ" จริงจังอย่างแพทย์ วิศวกร หรือครู หน่วยงานที่ดูแลกีฬาอาชีพยังขาดการวางแผนระยะยาว ทั้งเรื่องรายได้ สวัสดิการ การเก็บภาษีที่ยืดหยุ่น หรือแม้แต่การดูแลหลังเลิกเล่นกีฬา
สิ่งที่นักกีฬาหลายคนต้องเผชิญคือ รายได้ไม่สม่ำเสมอ ไม่มีเงินบำนาญ ไม่มีระบบประกันสุขภาพเฉพาะทางสำหรับนักกีฬาอาชีพ และการย้ายมาเป็นโค้ชหรือผู้ฝึกสอนก็ไม่ใช่เส้นทางที่เปิดกว้างเสมอไป
ยิ่งมีฝีมือ ยิ่งต้องออกนอกประเทศ?
นักกีฬาหลายคนที่มีศักยภาพมักต้องมองหาสโมสรหรือทุนในต่างประเทศเพื่อพัฒนาอย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่น นักฟุตบอลหญิงไทยหลายคนที่ได้ไปเล่นในลีกญี่ปุ่น หรือแบดมินตันที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากเอกชนหรือครอบครัวเท่านั้นถึงจะไปได้ไกล
คำถามคือ หากระบบในประเทศพร้อมกว่านี้ นักกีฬาไทยจะต้องไปไกลแค่ไหนถึงจะได้ฝึกฝนอย่างมืออาชีพ?
การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่การยอมรับว่า “นี่คืองาน”
การสร้างระบบอาชีพให้นักกีฬาเริ่มต้นได้จากการปรับทัศนคติของสังคมก่อนว่า นักกีฬาไม่ใช่แค่ตัวแทนการแข่งขันชั่วคราว แต่คือ “คนทำงาน” ที่ต้องการความมั่นคง
ภาครัฐควรเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทั้งในเรื่องของเงินทุนสนับสนุน กฎหมายแรงงาน การศึกษาควบคู่ และการวางแผนอาชีพหลังเลิกเล่นกีฬา ขณะที่เอกชนเองก็สามารถสนับสนุนในรูปแบบสปอนเซอร์ หรือสร้างลีกกีฬาใหม่ ๆ ที่ยั่งยืน
บางทีสิ่งที่นักกีฬาไทยต้องการ อาจไม่ใช่เพียงเวทีแข่งขัน แต่คือพื้นที่ที่ให้เขา “ใช้ชีวิต” ได้อย่างภาคภูมิในอาชีพนี้
ถ้าเราอยากเห็นเหรียญทองในอนาคต อาจต้องเริ่มจากการสร้าง “ระบบทอง” ในปัจจุบัน