
ปรากฏการณ์: ราคาตกซ้ำซากแบบไม่มีใครรับผิด
ทุกปีเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว ข่าว “ผลผลิตล้นตลาด” มักจะโผล่มาให้เห็นเป็นประจำ คำว่า “ล้น” ฟังดูเหมือนธรรมชาติของระบบ — แต่จริงหรือ? ในความเป็นจริง คนผลิตไม่ได้มีข้อมูลกลางอย่างเป็นระบบ ไม่มีใครรู้ว่าพืชชนิดนี้ควรปลูกเท่าไร เพื่อไม่ให้ซ้ำกัน คนกลางคือผู้ที่รู้มากที่สุด ไม่ใช่เกษตรกร และไม่ใช่ผู้บริโภค
ใครนิยามคำว่า “ล้นตลาด”?
ไม่มีฐานข้อมูล แต่มีการฟันธง
ลองถามดูว่าข้อมูล “ผลผลิตล้นตลาด” มาจากไหน? หลายครั้งไม่มีฐานข้อมูลที่โปร่งใส ไม่มีวิธีการสำรวจที่ชัดเจน บางปีผลผลิตไม่ได้มากขึ้นด้วยซ้ำ แต่ราคาตกลงอย่างน่าประหลาดใจ
ล้นในสายตาใคร?
ราคาตลาดไม่ได้สะท้อนเฉพาะจำนวน แต่สะท้อน “พลังต่อรอง” คนที่ซื้อจำนวนมากสามารถกดราคาด้วยคำว่า “ของมันเยอะ” แล้วคนที่ไม่มีอำนาจในการตั้งราคา จะมีทางเลือกอะไร?
ราคาที่ถูกทำให้ “ตก” โดยตั้งใจ?
ราคาควบคุมโดยความเงียบ
บางครั้งราคาไม่ได้ตกเพราะปริมาณ แต่เพราะมีใครไม่ยอมซื้อจนกว่าราคาจะตก เหมือนหยุดซื้อน้ำมันรอราคาลด — แต่ถ้าเป็นของสดล่ะ? คนที่เก็บไว้ไม่ได้ต้องรีบขาย ถูกบีบให้ “ลดราคาเอง”
วาทกรรมช่วยปิดความจริง
การพูดว่า “ของมันเยอะ” กลายเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ตั้งคำถามว่า ทำไมคนรับซื้อเจ้าใหญ่ถึงกล้ารอ? ทำไมรัฐถึงประกาศราคากลางโดยไม่เปิดวิธีคิด? ใครได้ประโยชน์จากราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน?
ผลกระทบ: แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ต่อรอง
เกษตรกรกลายเป็นเหยื่อของระบบข้อมูล
เมื่อไม่มีข้อมูลกลาง เกษตรกรต้องอาศัย “ข่าวลือ” หรือประกาศลอย ๆ ในสื่อ แต่คนซื้อมีสถิติครบมือ มีทุนรอ และมีเครือข่ายต่อรอง ใครกันแน่ที่ควบคุม “ตลาด”?
การจัดการไม่ใช่แค่เรื่องของดินฟ้า
บางครั้งการขาดทุนไม่ได้เกิดจากฝนแล้งหรือดินเสีย แต่จากการไม่มีอำนาจกำหนดราคา ไม่มีใครฟังเสียงจริงจากพื้นที่ นโยบายที่ไม่รับฟังผู้ผลิต กลายเป็นภาระมากกว่าความช่วยเหลือ
จะออกจากวงจรนี้ได้อย่างไร?
ข้อมูลคืออาวุธ
เกษตรกรควรเข้าถึงระบบข้อมูลที่เป็นกลาง เช่น ระบบรายงานผลผลิตแบบเปิด รัฐควรเลิกเป็นผู้ประกาศราคา แล้วหันมาสร้างระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบร่วมมือ
เลิกวัดเศรษฐกิจด้วยราคาที่ถูกกด
ถ้ายังยึดราคาต่ำเป็นดัชนีความสำเร็จของนโยบาย ใครจะกล้าลงทุนปลูกพืชใหม่ ๆ? ใครจะทนอยู่กับอาชีพที่ไม่รู้ว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าจะอยู่หรือจะเจ๊ง?
บางทีคำว่า “ล้นตลาด” อาจเป็นแค่เครื่องมือที่ทำให้คนเชื่อว่าไม่มีใครผิด ทั้งที่บางคนตั้งใจปล่อยให้ราคาตก เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความเงียบที่เราชินชา