
กัญชา: จากพืชเสรี สู่การควบคุมใหม่
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา กัญชาถูกปลดจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 และกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่หลายคนคาดหวังว่าจะสร้างรายได้ สร้างโอกาส และเปลี่ยนมุมมองต่อพืชชนิดนี้ให้กลายเป็น “สมุนไพรทางเลือก” อย่างเปิดเผย แต่เมื่อกระแสสังคมเปลี่ยน รัฐบาลเปลี่ยนนโยบาย และสัญญาณล่าสุดชี้ว่ากัญชาอาจกลับเข้าสู่บัญชียาเสพติดอีกครั้ง คำถามสำคัญคือ... “อะไรยังถูกกฎหมาย?”
กัญชาไม่เสรีเหมือนเดิม แต่ยังไม่ห้ามทั้งหมด
การที่กัญชาถูก “ควบคุม” ใหม่ ไม่ได้หมายความว่าจะ “ห้ามทั้งหมด” เพราะยังมีบางส่วนของพืชกัญชาที่สามารถใช้ได้ตามแนวทางเดิมของกระทรวงสาธารณสุข
สิ่งที่ยังไม่ผิดกฎหมาย
- ผลิตภัณฑ์ที่สกัดจาก CBD (cannabidiol) โดยมี THC ไม่เกิน 0.2%
- ใบกัญชาสดหรือแห้ง สามารถใช้ในอาหาร เครื่องดื่ม หรือการแพทย์
- การปลูกเพื่อใช้ในครัวเรือน โดยต้องขึ้นทะเบียนและไม่ใช้ในเชิงพาณิชย์
- ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ อย. เช่น ยาแก้ปวดหรือยาทาภายนอก
สิ่งที่มีแนวโน้มจะถูกควบคุมมากขึ้น
หากร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาถูกประกาศใช้ สิ่งเหล่านี้อาจถูกจัดระเบียบใหม่อย่างเข้มงวด
แนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น
- ห้ามใช้เพื่อสันทนาการโดยเด็ดขาด
- ร้านจำหน่ายกัญชาต้องขออนุญาตในระดับเข้มข้น
- โฆษณาเกี่ยวกับกัญชาจะถูกควบคุมเช่นเดียวกับบุหรี่และแอลกอฮอล์
- ผลิตภัณฑ์ที่มี THC สูงอาจถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มควบคุมหรือยาเสพติดอีกครั้ง
ประชาชนควรรู้อะไร: ใช้กัญชาอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย?
กรณีที่ยังถือว่าถูกกฎหมาย
- ใช้น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ภายใต้ใบสั่งแพทย์
- ดื่มชาใบกัญชา หรือรับประทานอาหารที่มีใบกัญชาจากร้านที่ขึ้นทะเบียน
- ปลูกกัญชาที่บ้าน โดยต้องขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับหน่วยงานท้องถิ่น
- หากเปิดร้านหรือเปิดบูธ ควรรอแนวทางกฎหมายใหม่ให้ชัดเจนก่อนดำเนินการ
โทษและความเสี่ยงหากฝ่าฝืนกฎหมาย
แม้ขณะนี้ยังไม่มีบทลงโทษใหม่ที่มีผลบังคับใช้ แต่หากกัญชากลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด โทษที่อาจเกิดขึ้นมีดังนี้:
โทษที่เป็นไปได้
- จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับสูงสุดหลายแสนบาท ขึ้นอยู่กับปริมาณและเจตนา
- โทษทางปกครอง เช่น ปิดร้าน หรือเพิกถอนใบอนุญาต
- เสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีหากมีการโฆษณาหรือจำหน่ายผิดเงื่อนไข
ในวันที่สิทธิกลับไปอยู่ในกรอบ
จากวันที่กัญชากลายเป็นพืชเสรี จนถึงวันที่ต้องกลับไปอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายใหม่ เราเห็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า “เสรีภาพโดยไม่มีระบบรองรับ” มักนำไปสู่ปัญหา คำถามสำคัญที่สังคมไทยควรตั้ง ไม่ใช่แค่ “อะไรที่ถูกกฎหมาย?” แต่คือ “ระบบกฎหมายกำลังสะท้อนทิศทางแบบไหน?” กับอนาคตของสังคมไทย