
คุณเคยรู้สึกไหมว่า…ทั้งที่ลึก ๆ แล้วรู้ว่า มันอาจไม่เกิดขึ้น แต่ก็ยังอดหวังไม่ได้?
ไม่ว่าจะเป็นการรอข้อความจากใครสักคน, เชื่อว่าหวยงวดนี้จะถูก หรือการสมัครงานในตำแหน่งที่รู้ว่าคู่แข่งเก่งกว่าหลายเท่า — ความหวังยังคงอยู่ แม้ความเป็นจริงจะบอกเราว่าโอกาสนั้นช่างริบหรี่
คำถามคือ ทำไมเราถึงยังเชื่อ?
ความหวังคือระบบป้องกันตัวเองของจิตใจ
นักจิตวิทยาหลายคนอธิบายว่า ความหวังเปรียบเสมือน “ยาสมานใจ” ที่ช่วยให้มนุษย์ยังมีแรงเดินหน้าต่อ แม้สภาพแวดล้อมรอบตัวจะโหดร้ายเพียงใด
เราหวังเพราะมันช่วยให้รู้สึกว่า “ยังมีอะไรให้ยึดไว้”
แม้มันจะเป็นแค่ ฟองสบู่ใส ๆ ที่อาจแตกสลายได้ทุกเมื่อก็ตาม
สมองของเราถูกโปรแกรมมาให้มองโลกในแง่ดีเล็กน้อย
นักประสาทวิทยาอธิบายว่า สมองมนุษย์มีแนวโน้มประเมินโอกาสในทางที่ดีกว่าความเป็นจริง ซึ่งเรียกว่า Optimism Bias
นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนถึงเล่นหวยซ้ำ ๆ แม้รู้ว่าโอกาสถูกรางวัลที่หนึ่งคือ 1 ในล้าน
มันไม่ใช่เพราะคนงมงาย แต่เป็นเพราะสมองพยายามมองหาทางรอดแม้ในสถานการณ์ที่ดูไม่มีหวัง
ความหวังคือกลไกความอยู่รอด
ในช่วงที่เราท้อแท้หรือเผชิญวิกฤต ความหวังเปรียบเสมือนเข็มทิศในความมืด
คนที่มีความหวังมีแนวโน้มฟื้นตัวจากวิกฤตได้เร็วกว่า แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์เดียวกัน
เพราะจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ง่าย คือสิ่งที่ทำให้ “คน” รอดมาได้จากยุคถ้ำ จนถึงยุคอวกาศ
ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง ยังมีค่าต่อชีวิต
แม้ความหวังบางอย่างจะดูเหมือนความฝันลม ๆ แล้ง ๆ แต่มันก็ช่วยผลักดันให้เรากล้าคิด กล้าทำ
ถ้าไม่มีคนหวังว่าจะบินได้ เราคงไม่มีเครื่องบิน
ถ้าไม่มีใครฝันว่าจะรักษาโรคร้าย เราคงไม่มีวัคซีน
แม้หลายความหวังจะไม่เป็นจริง แต่ก็มีบางความฝันที่เปลี่ยนโลกนี้ไปตลอดกาล
บางครั้ง…ความหวังก็เหมือนฟองสบู่ ใส สวย เปราะบาง แต่เราก็ยังเป่ามันอยู่เรื่อย ๆ
ไม่ใช่เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะแตก
แต่เพราะการมีมันอยู่…ทำให้โลกใบนี้ไม่แห้งแล้งจนเกินไป