
เด็กไทยจำนวนมากเติบโตมากับคำว่า “พยายามแล้วจะสำเร็จ” แต่เมื่อมองไปรอบตัวกลับพบความจริงอีกด้าน—เด็กบางคนพยายามจนสุดแรง แต่กลับถูกจำกัดด้วยปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ความเหลื่อมล้ำ โอกาสทางการศึกษา หรือแม้แต่ระบบรับตรงที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน
ในห้องเรียนเดียวกัน อาจมีเด็กที่ต้องกลับไปช่วยพ่อแม่ขายของตอนเย็น ขณะที่เพื่อนบางคนมีครูพิเศษแทบทุกวิชา แล้วเราจะยังบอกได้เต็มปากว่า “เหงื่อของเด็กไทยมีค่าเท่าเทียมกัน”?
ระบบการศึกษาไทยยังให้น้ำหนักกับคะแนนสอบมากกว่าทักษะชีวิต หลายคนเก่งนอกห้องเรียน แต่กลับไม่มีเวทีให้แสดงออก เด็กจำนวนไม่น้อยต้องละทิ้งความฝัน เพราะทางบ้านไม่มีเงินส่งเรียน หรือไม่มีใครพาไปเปิดโลกนอกห้องเรียน
แต่ความหวังยังไม่ตาย — เพราะยังมีครูที่เข้าใจ ยังมีชุมชนที่ลุกขึ้นมาสร้างพื้นที่เรียนรู้ ยังมีคนธรรมดาที่รวมพลังกันสนับสนุนทุนการศึกษา หรือแม้แต่พื้นที่ออนไลน์ที่เปิดให้เด็กแสดงศักยภาพของตนเองแบบไม่ต้องรออนุญาต
เหงื่อของเด็กไทยจะยังมีความหวัง ตราบใดที่เราหยุดปล่อยให้พวกเขาสู้ลำพัง และเริ่มถามตัวเองว่า “เราช่วยกันได้ตรงไหนบ้าง?”
บางครั้ง การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เริ่มจากการปฏิรูปใหญ่โต แต่อาจเริ่มจากแค่การมองเห็นเด็กคนหนึ่งที่กำลังพยายาม และไม่หันหลังให้เขาอีก
เครดิตแหล่งข้อมูล
- รายงาน “Thailand Inequality Report 2020” โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
- บทวิจัยจาก UNESCO เรื่อง Education and Equity in Southeast Asia
- ข้อมูลจากโครงการกสศ. (กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา)