
ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยการร่าง พระราชบัญญัติการคุ้มครองและกำกับดูแลระบบปัญญาประดิษฐ์ พ.ศ. … หรือที่มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า พ.ร.บ. AI ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับแรกของไทยที่ออกแบบมาเพื่อควบคุมการพัฒนาและใช้งาน AI ให้สอดคล้องกับหลักจริยธรรม สิทธิมนุษยชน และความปลอดภัยในสังคม
หลายคนอาจสงสัยว่า กฎหมายฉบับนี้ “แรงพอ” หรือ “ทันเกม” แค่ไหนเมื่อเทียบกับ GDPR ของสหภาพยุโรป หรือ AI Act ที่กำลังจะบังคับใช้ในยุโรปในเร็ววันนี้ ลองมาเทียบกันแบบตรงไปตรงมา
1. เป้าหมายหลักของกฎหมาย
-
พ.ร.บ. AI ไทย: เน้นสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมกับความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการลดความเสี่ยงจากการใช้งาน AI แบบไร้ขอบเขต
-
GDPR / EU AI Act: เน้นสิทธิของเจ้าของข้อมูลและความรับผิดชอบขององค์กรที่ใช้ AI โดยให้ความสำคัญกับหลัก “proactive regulation” หรือการควบคุมตั้งแต่ต้นน้ำของการพัฒนา
2. การแบ่งความเสี่ยงของ AI
-
ไทย: กำลังพิจารณาใช้โมเดล “แบ่งระดับความเสี่ยง” (Risk-based) เหมือนในยุโรป เช่น AI ที่มีความเสี่ยงสูง (High-risk) จะต้องมีมาตรการตรวจสอบและรายงานที่เข้มงวด
-
EU AI Act: แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ Minimal Risk, Limited Risk, High Risk และ Unacceptable Risk โดยมีการห้ามใช้บางระบบ เช่น ระบบ Social Scoring ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
3. สิทธิของประชาชน
-
ไทย: เบื้องต้นเน้นสิทธิในการ “ไม่ถูกตัดสินใจโดย AI เพียงลำพัง” และมีแนวโน้มจะกำหนดสิทธิในการร้องเรียนและตรวจสอบระบบ
-
GDPR: ระบุชัดว่าผู้ใช้มีสิทธิ “ไม่ให้ถูกประเมินผลโดยอัตโนมัติ” (Automated Decision-Making) พร้อมทั้งขอให้มีมนุษย์เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่มีผลกระทบ
4. บทลงโทษ
-
พ.ร.บ. AI ไทย: ยังอยู่ระหว่างการถกเถียงเรื่องบทลงโทษที่เหมาะสม โดยอาจเน้นแนวทาง “เตือนก่อนลงโทษ”
-
GDPR: มีบทลงโทษที่หนักแน่น เช่น ปรับสูงสุด 4% ของรายได้ทั่วโลก หรือ 20 ล้านยูโร (แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า)
5. ความโปร่งใสและการตรวจสอบ
-
ไทย: มุ่งเน้นให้หน่วยงานรัฐและเอกชน “แสดงความชัดเจน” ว่าใช้ AI อย่างไร และเพื่ออะไร
-
EU: บังคับให้เปิดเผยข้อมูลการฝึกโมเดล, วิธีการทำงาน, และผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
แม้ พ.ร.บ. AI ของไทยยังอยู่ระหว่างการร่าง แต่การเริ่มต้นด้วยหลักการที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนและความปลอดภัย ก็ถือเป็นก้าวที่ถูกทิศ
คำถามคือ เราจะมีกลไกจริงที่คุ้มครองสิทธิประชาชนได้ทันกับความเร็วของ AI หรือไม่? หรือสุดท้าย กฎหมายจะกลายเป็นแค่เครื่องมือที่ตามเทคโนโลยีไม่ทันเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา?