เคยได้ยินคำว่า “เงินเฟ้อ” หรือ “เงินฝืด” ผ่านหู แล้วสงสัยไหมว่า...มันต่างกันยังไง? แล้วเกี่ยวอะไรกับชีวิตประจำวันเราด้วย? บทความนี้จะชวนมาทำความเข้าใจง่าย ๆ เหมือนเพื่อนเล่าให้ฟัง ว่าทั้งสองคำนี้มีผลต่อค่าครองชีพ การทำมาหากิน และอนาคตของเราแค่ไหน
เงินเฟ้อคืออะไร?
เงินเฟ้อ (Inflation) คือภาวะที่ราคาสินค้าและบริการโดยรวมในระบบเศรษฐกิจ “เพิ่มขึ้น” อย่างต่อเนื่อง เช่น ของที่เคยซื้อ 100 บาท อีกปีอาจต้องจ่าย 110 บาท ทั้ง ๆ ที่ปริมาณสินค้าเท่าเดิม
ผลกระทบที่เรารู้สึกได้:
-
เงินในกระเป๋าซื้อของได้น้อยลง
-
ค่าครองชีพสูงขึ้น โดยเฉพาะของกินของใช้
-
ถ้าเงินเดือนขึ้นไม่ทัน อาจรู้สึกเหมือน “จนลง”
เงินฝืดคืออะไร?
เงินฝืด (Deflation) คือภาวะที่ราคาสินค้าและบริการ “ลดลง” อย่างต่อเนื่อง ฟังดูเหมือนดี แต่จริง ๆ แล้วมันอันตรายไม่แพ้เงินเฟ้อ เพราะแปลว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว
ผลกระทบที่เราอาจไม่ทันคิด:
-
คนระวังการใช้จ่าย เพราะคาดว่าราคาจะถูกลงอีก
-
ธุรกิจขายของได้น้อย กำไรลด ต้องปลดพนักงาน
-
โอกาสตกงานหรือรายได้ลดเพิ่มสูงขึ้น
แล้วภาวะแบบไหน “พอดี” ที่สุด?
ธนาคารกลางทั่วโลกพยายามควบคุมให้เกิด "เงินเฟ้อในระดับที่เหมาะสม" ประมาณ 2% ต่อปี เพราะช่วยให้เศรษฐกิจโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ชะลอหรือร้อนแรงเกินไป
ปรับตัวยังไงในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
-
ถ้าเงินเฟ้อ: ควรหาช่องทางเพิ่มรายได้ หรือพิจารณาการลงทุนเพื่อให้เงินไม่เสื่อมค่า
-
ถ้าเงินฝืด: ควรระวังการใช้จ่าย แต่อย่าหยุดใช้เงินทั้งหมด เพราะจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจฝืดกว่าเดิม
แนวคิดปิดท้าย
"เข้าใจเงินเฟ้อ-เงินฝืด ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่คือเครื่องมือวัดว่าเราจะวางแผนชีวิตและเงินอย่างไรให้รอดและรวยในทุกสถานการณ์"