
ลองนึกถึงช่วงเวลาที่คุณเปิดมือถือขึ้นมาเพื่อ "พักสมองสักนิด" แล้วรู้ตัวอีกทีเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงโดยไม่ทันรู้ตัว คุณกำลังดูวิดีโอแมว วิดีโอข่าว วิดีโออาหาร และเนื้อหาที่หลากหลายไม่รู้จบ ทั้งหมดนี้คือผลของ "สื่อ" ที่เราเสพอยู่ทุกวัน
แต่คำถามคือ…ใครเป็นคนเลือกเนื้อหาเหล่านั้น? เราหรืออัลกอริทึม?
เมื่อการเลือกไม่ได้เป็นของเราเพียงคนเดียว
หลายคนอาจเชื่อว่าเราควบคุมสิ่งที่เราเสพได้ 100% แต่ความจริงคือ โลกดิจิทัลวันนี้ใช้ "อัลกอริทึม" คัดกรองสิ่งที่เราเห็น โดยอิงจากพฤติกรรมที่ผ่านมา เช่น สิ่งที่เรากดไลก์ แชร์ หรือดูนาน ๆ
ยิ่งเรามีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหาประเภทใดมาก ระบบก็จะยิ่งแสดงสิ่งนั้นให้เราบ่อยขึ้น ไม่ใช่เพราะเราต้องการมันเสมอไป แต่เพราะระบบคิดว่า “เราน่าจะชอบมัน”
ลองเปรียบเทียบเหมือนการเดินเข้าร้านหนังสือ แล้วมีคนพนักงานตามเราเดินตลอดเวลา และหยิบแต่หนังสือแนวเดิม ๆ มาให้เราเสมอ นานวันเข้า เราอาจลืมไปเลยว่ายังมีหนังสืออีกหลายประเภทที่เราไม่เคยได้ลอง
สื่อเปลี่ยนวิธีคิดของเราอย่างไร
สื่อไม่เพียงแต่เสนอข้อมูล แต่ยังเสนอ "กรอบความคิด" ด้วย เช่น ข่าวที่รายงานเฉพาะบางด้าน หรือการใช้คำที่ชี้นำความรู้สึก เช่น “ฮีโร่”, “ผู้ร้าย”, “ดราม่า”, “ไวรัล” เหล่านี้ล้วนมีผลต่ออารมณ์และทัศนคติของเรา
แม้กระทั่งวิดีโอสั้น ๆ ก็สามารถเปลี่ยนวิธีที่เราเข้าใจโลกได้ เพราะมันมักเล่าเรื่องให้กระชับ ดึงดูด และบางครั้งก็ละทิ้งความซับซ้อนที่สำคัญต่อการเข้าใจปัญหา
แล้วเราทำอะไรได้บ้าง?
สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ “การรู้เท่าทันสื่อ” (Media Literacy)
- ถามตัวเองว่า ใครเป็นเจ้าของเนื้อหานี้?
- มีเจตนาอะไรซ่อนอยู่หรือไม่?
- เรารู้สึกอะไรหลังจากดูหรืออ่านเนื้อหานี้ และมันเกิดขึ้นเพราะอะไร?
การมีทักษะตั้งคำถามเหล่านี้จะช่วยให้เราไม่ถูกชักนำโดยง่าย แม้จะอยู่ในโลกที่ข้อมูลหลั่งไหลไม่หยุดก็ตาม
สื่อวันนี้ไม่ได้แค่รายงานข่าว แต่กำลังนิยามว่า “อะไรคือโลกของเรา”
การรู้เท่าทันจึงไม่ใช่แค่การระวัง แต่คือการทวงคืนสิทธิ์ในการเลือกด้วยตัวเอง
คุณอาจไม่ได้ควบคุมทุกอย่างในฟีด แต่คุณควบคุมได้ว่าจะเชื่ออะไรและเชื่ออย่างไร