ในวันที่เราใช้ Facebook, TikTok, Instagram หรือ YouTube ฟรี ๆ ทุกวัน เคยคิดไหมว่า "เราจ่ายอะไรไปบ้าง?" แม้ไม่เสียเงินสักบาท แต่สิ่งที่ถูกนำไปใช้แทนคือ “ข้อมูลของเรา” ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการเลื่อนหน้าจอ ความสนใจ การกดไลก์ คอมเมนต์ หรือแม้แต่เวลาที่หยุดดูคลิปบางคลิปนานกว่าปกติ ล้วนเป็นทองคำในสายตาของผู้ให้บริการ
เมื่อเรายอมรับ cookies หรือสมัครเข้าใช้งานแอป เรากำลังยินยอมให้ระบบติดตามทุกการกระทำที่ทำบนแพลตฟอร์มนั้น ๆ เพื่อนำไปวิเคราะห์ ตีความ และสร้าง “โปรไฟล์ดิจิทัล” ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญของโฆษณาแบบเจาะจงบุคคล (personalized ads)
ไม่ใช่แค่เราเป็น “ผู้ใช้” แต่เราเองกำลังกลายเป็น “ผลิตภัณฑ์” ในระบบเศรษฐกิจของข้อมูล (data economy) บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกสามารถสร้างรายได้หลักแสนล้านดอลลาร์จากโมเดลธุรกิจนี้ โดยเราแทบไม่รู้ตัว
สิ่งนี้ไม่ได้เกิดแค่กับแพลตฟอร์มโซเชียล แต่รวมถึงทุกแอปฟรีที่เราใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นแอปแผนที่ เกม หรือบริการแต่งรูป หากไม่มีโมเดลเสียเงิน สิ่งที่มักเกิดขึ้นคือ “การแลกเปลี่ยน” ข้อมูลของเราเพื่อเข้าถึงบริการ
และถึงแม้จะมีการออกกฎหมายควบคุมความเป็นส่วนตัว เช่น GDPR ของยุโรป หรือ PDPA ในประเทศไทย แต่การบังคับใช้และการรู้เท่าทันของผู้ใช้งานก็ยังถือว่าเป็นโจทย์ใหญ่
คำถามสำคัญคือ—ถ้าเราไม่ยอมให้ข้อมูล แล้วใครจะเป็นคนจ่าย? หรือสุดท้ายแล้ว เราต้องเลือกจ่ายด้วย “เงิน” แทน “ข้อมูล”?
อนาคตของโซเชียลมีเดียอาจมุ่งสู่โมเดล subscription มากขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้ได้สิทธิ์เลือก: จะจ่ายเงินเพื่อความเป็นส่วนตัว หรือใช้บริการฟรีโดยแลกกับความโปร่งใสในการเก็บข้อมูล
ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ การรู้ว่าเรากำลังแลกอะไร และยอมแลกแค่ไหนถึงจะคุ้มสำหรับตัวเราเอง
บางทีการตั้งคำถามกับสิ่งที่เราใช้ทุกวัน อาจทำให้เราเห็นว่า "ของฟรี" บางอย่าง ไม่ได้ฟรีอย่างที่คิดเสมอไป
เครดิตแหล่งข้อมูล:
- Shoshana Zuboff, The Age of Surveillance Capitalism
- European Commission, General Data Protection Regulation (GDPR)
- สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPC Thailand)