
ถ้าเรานึกถึง K-pop เรามักจะเห็นภาพศิลปินแต่งตัวจัดจ้าน เต้นเป๊ะ ร้องเพลงติดหู แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่อยู่เบื้องหลังนั้นคือระบบที่ซับซ้อนและแม่นยำจนหลายประเทศยังศึกษาไม่ทัน
เกาหลีใต้ไม่ได้แค่สร้างนักร้อง พวกเขาสร้าง “ผลิตภัณฑ์บันเทิง” ที่มีอัตลักษณ์ ขายได้ทั่วโลก และแทรกซึมอยู่ในทุกช่องทาง ตั้งแต่ YouTube ไปจนถึงแบรนด์แฟชั่นระดับโลก
สิ่งที่น่าสนใจคือ K-pop ถูกออกแบบให้เป็นโมเดลธุรกิจตั้งแต่แรก —
-
ระบบฝึกหัด (Trainee System) ที่คล้ายกับการบ่มเพาะสตาร์ทอัป ใช้เวลาหลายปีก่อนจะเปิดตัว
-
โมเดลรายได้แบบหลากหลายช่องทาง ไม่ได้หวังแค่ยอดขายเพลง แต่รวมถึงคอนเสิร์ต, สินค้าแฟนคลับ, ซีรีส์ และสัญญาแบรนด์
-
กลยุทธ์การตลาดข้ามชาติ ที่เจาะตลาดอย่างเป็นระบบ เช่น ส่งศิลปินไปออกวาไรตี้จีน หรือใช้เนื้อหาแบบแปลภาษาอัตโนมัติ
-
การสร้างฐานแฟน (Fandom) ที่ทำหน้าที่แทนทีมการตลาด ด้วยพลังของการบอกต่อและการสนับสนุนอย่างภักดี
ลองมองกลับมาที่ไทย — เรามีศิลปินเก่งเยอะ แต่ระบบที่เกื้อหนุนให้ศิลปินเหล่านั้น “เติบโตแบบยั่งยืนและส่งออกได้” ยังไม่แข็งแรงพอ
-
เราขาดการลงทุนระยะยาว
-
เราขาดการวาง Positioning ระดับสากล
-
และเรายังมองความบันเทิงเป็นแค่เรื่องในประเทศ
สิ่งที่ K-pop ทำคือการเปลี่ยน “ความสามารถเฉพาะบุคคล” ให้กลายเป็น สินทรัพย์เชิงระบบ ที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
อุตสาหกรรมบันเทิงไทยมีของดีอยู่แล้ว แต่คำถามคือ…เราแค่ยังไม่มี “ระบบ” ที่พอจะผลักดันของดีเหล่านั้นไปไกลกว่าขอบประเทศ
บางที...ถึงเวลาที่เราต้องหยุดถามว่า “จะสู้ K-pop ยังไง” แล้วหันมาถามว่า “จะสร้างระบบแบบเขาได้อย่างไร” แทน