
ในอดีต การเป็นแฟนบอลหมายถึงการภักดีต่อสโมสรทีมหนึ่ง ไม่ว่าผลจะชนะหรือแพ้ก็พร้อมอยู่ข้างเสมอ แต่ในยุคที่โซเชียลมีเดียใกล้ชิดเรากับตัวนักเตะมากขึ้น แฟนบอลจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมา "ตามคน" มากกว่า "ตามทีม" ไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเราจะเห็นแฟนบอลคนหนึ่งโพสต์เชียร์เรอัล มาดริดเมื่อมีโรนัลโด้ แล้วปีต่อมากลับไปสวมเสื้อยูเวนตุสตามเขาไป หรือแม้แต่ตามลีโอเนล เมสซี่จากบาร์เซโลน่าไปปารีส และต่อด้วยอินเตอร์ ไมอามี่
เสพกีฬาผ่านมือถือ = เสพชีวิตนักเตะ
โลกออนไลน์ทำให้แฟนบอลสามารถติดตามชีวิตส่วนตัวของนักเตะได้แทบทุกวัน ตั้งแต่เบื้องหลังการซ้อม คลิปตลก ไปจนถึงโมเมนต์กับครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่สโมสรให้ไม่ได้ นี่จึงเป็นจุดที่ความผูกพันเริ่มเปลี่ยน
แทนที่จะเชียร์ตามยุทธศาสตร์หรือประวัติศาสตร์ของสโมสร คนรุ่นใหม่เลือกเชียร์จากสิ่งที่ "รู้สึกเข้าถึงได้" และนั่นก็คือ... นักเตะที่เขารู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนร่วมทาง
ข้อมูลที่น่าสนใจ
จากงานวิจัยของ Deloitte Football Money League และบทวิเคราะห์ของ The Athletic, พบว่า:
- การขายเสื้อของนักเตะซูเปอร์สตาร์เพียงคนเดียว สามารถดันรายได้ของสโมสรเพิ่มขึ้นหลักล้านยูโร
- แฟนเพจของนักเตะระดับโลก เช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีผู้ติดตามมากกว่าสโมสรที่เขาเคยอยู่หลายเท่า
นี่สะท้อนว่า “แบรนด์บุคคล” กลายเป็นสินทรัพย์หลักในโลกกีฬาไปแล้ว
แล้วแบบนี้ "สโมสร" จะเหลืออะไร?
แม้สโมสรจะยังมีฐานแฟนเหนียวแน่น แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้คือสัญญาณเตือนว่าต้องปรับตัว ไม่ใช่แค่พึ่งผลการแข่งขันหรือโลโก้เก่าแก่ แต่ต้องเริ่มเล่าเรื่องตัวเองให้คนรุ่นใหม่อยากเชื่อมโยง
แล้วคุณล่ะ… ดูบอลเพราะทีม หรือเพราะใคร?
บางครั้ง เราไม่ได้เชียร์ทีมแชมป์ แต่เชียร์คนที่เรารู้สึกเหมือนโตมาด้วยกัน ก็แค่นั้นเอง
แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
- Deloitte Football Money League 2024
- The Athletic: “Modern Fans and the Power of Football Superstars”
- Harvard Business Review: “The Rise of Personal Branding in Sports”