
เมื่อ AI กลายเป็นของใช้ประจำวัน เช่นเดียวกับไฟฟ้าหรืออินเทอร์เน็ต เราอาจไม่ได้สังเกตเลยว่า ตัวเองกำลังอยู่ในระบบที่มี “ลำดับชั้น” ชัดเจนขึ้นทุกที — ไม่ใช่แค่ใครเข้าถึงก่อน แต่ใคร “เป็นเจ้าของ” เทคโนโลยีเหล่านั้น
คนทั่วไปในยุค AI: ใช้ได้ แต่ควบคุมไม่ได้
ลองนึกถึงการใช้ AI อย่าง ChatGPT, ระบบแนะนำของ TikTok หรือการจองตั๋วผ่านระบบอัตโนมัติ คนทั่วไปเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้ง่ายมาก แต่ทั้งหมดล้วนมาจากแพลตฟอร์มที่มีเจ้าของเพียงไม่กี่รายในโลก ซึ่งไม่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ควบคุมหรือกำหนดเงื่อนไขของระบบได้อย่างแท้จริง
เราจึงเหมือนกับ “ไพร่ดิจิทัล” — เป็นประชากรผู้ใช้ แต่ไม่ใช่ผู้กำหนดกติกา
ความเหลื่อมล้ำที่ซ่อนอยู่ในเทคโนโลยี
ไม่ใช่แค่การมีหรือไม่มี AI แต่เป็นระดับการควบคุมที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำแบบใหม่
- นักพัฒนา: สร้างระบบ กำหนดขอบเขต และได้ข้อมูลตอบแทน
- เจ้าของแพลตฟอร์ม: สะสมอำนาจจากข้อมูลและโมเดล
- ผู้ใช้ทั่วไป: เพียงแค่กดใช้ โดยไม่รู้ว่าเบื้องหลังเกิดอะไรขึ้น
แม้จะมี “AI สำหรับทุกคน” อยู่ในคำโฆษณา แต่ในความเป็นจริง ผู้คนจำนวนมากยังไม่เข้าใจว่า AI ทำงานอย่างไร ถูกฝึกจากข้อมูลใคร และใช้เพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของใคร
ตัวอย่างใกล้ตัว: ใช้ AI แต่ถูกจำกัดบทบาท
- คนทำคอนเทนต์ออนไลน์ อาจต้องปรับสไตล์ตามระบบแนะนำ (Recommendation System) เพื่อให้เข้าถึงผู้ชม
- ผู้ใช้งานโซเชียล อาจไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพียง “วัตถุดิบข้อมูล” ให้ AI ฝึกฝนเพื่อให้แพลตฟอร์มทำเงิน
- คนทำงานสายเทคโนโลยีระดับล่าง อาจเขียนโค้ดหรือจัดข้อมูลให้ระบบ AI โดยที่ไม่ได้รับผลตอบแทนที่ยั่งยืน
แล้วจะอยู่อย่างไร ไม่ให้กลายเป็นเพียง “ไพร่” ตลอดไป?
-
รู้ให้เท่าทัน – เข้าใจว่า AI ทำงานอย่างไร ใครเป็นเจ้าของ และมันเรียนรู้จากอะไร
-
ใช้แบบมีสติ – อย่าพึ่ง AI จนลืมตั้งคำถาม เช่น ทำไมระบบแนะนำให้เราเห็นสิ่งนี้?
-
รวมกลุ่มและมีเสียง – ชุมชนผู้ใช้สามารถรวมพลังเรียกร้องความโปร่งใส เช่น กฎหมาย AI แบบที่สหภาพยุโรปกำลังผลักดัน
-
สร้างระบบของเราเอง – หากทำได้ คิดค้นแพลตฟอร์มที่ไม่ดูดข้อมูลเกินจำเป็น หรือเปิดให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมกำหนดทิศทาง
เราทุกคนอาจยังเป็น “ไพร่” ในโลก AI แต่ไม่ได้แปลว่าเราต้องนิ่งเฉย
ในโลกที่เทคโนโลยีกำลังจัดระเบียบชนชั้นใหม่ คนธรรมดาก็ยังสามารถ “ยกเพดาน” ให้กับตัวเองได้ — ถ้ารู้เท่าทันและรวมพลังกันอย่างมีจุดยืน