
เมื่อข่าวการระบาดของโควิด-19 กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง หนึ่งในพื้นที่ที่มักถูกลืมคือ “เรือนจำ” สถานที่ที่มีความแออัดสูง ระบบระบายอากาศจำกัด และการเข้าถึงการรักษาไม่เท่าเทียม ภายในเรือนจำ แม้เพียงผู้ติดเชื้อไม่กี่ราย ก็สามารถกลายเป็นการระบาดวงกว้างได้ในชั่วเวลาไม่นาน
เรือนจำไทยมีอัตราความแออัดสูงกว่ามาตรฐานสากลมาก รายงานจาก Thailand Institute of Justice ระบุว่าเรือนจำบางแห่งมีผู้ต้องขังมากกว่าความจุถึงสองเท่า นั่นหมายถึงการเว้นระยะห่างทางกายภาพแทบเป็นไปไม่ได้ และหากไวรัสแพร่เข้าสู่ระบบนี้ จะควบคุมได้ยากกว่าพื้นที่ทั่วไปมาก
ที่สำคัญ การตรวจหาเชื้อและการแยกกักในเรือนจำยังเผชิญข้อจำกัดทั้งด้านงบประมาณและบุคลากร ส่งผลให้หลายครั้งต้องรอให้มีอาการชัดเจนก่อนจึงจะเข้าถึงการตรวจหรือรักษา ซึ่งขัดกับหลักการควบคุมโรคระบาดที่เน้นการป้องกันไว้ก่อน
ไม่เพียงแค่ผู้ต้องขังที่ได้รับผลกระทบ เจ้าหน้าที่เรือนจำ ครอบครัวของพวกเขา รวมถึงชุมชนที่อยู่โดยรอบ ก็ล้วนเสี่ยงต่อการติดเชื้อด้วยเช่นกัน เพราะการแพร่กระจายไม่ได้หยุดอยู่แค่ภายในกำแพงสูง
การรับมือกับโควิดในเรือนจำจึงไม่ใช่แค่การบริหารจัดการภายใน แต่คือบททดสอบระบบสาธารณสุขของไทย ว่าจะสามารถดูแล “ทุกคน” ได้จริงหรือไม่ โดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ละเลย และไม่ลืมคนที่อยู่ในมุมอับของสังคม
ใครบางคนอาจคิดว่า “เรือนจำไม่เกี่ยวกับเรา” แต่ความเป็นจริงคือ โรคไม่เลือกคนติด และระบบที่อ่อนแอในจุดหนึ่ง ก็อาจกลายเป็นช่องโหว่ที่กระทบถึงทั้งสังคมได้ในที่สุด
บางที “สัญญาณเตือน” ครั้งนี้ อาจไม่ใช่แค่เรื่องโควิดในเรือนจำ แต่เป็นการชวนให้เราทบทวนว่า เราจะสร้างระบบที่ปกป้อง “คนทุกกลุ่ม” ได้อย่างไร ก่อนจะสายไปอีกครั้ง
เครดิตแหล่งข้อมูล:
- Thailand Institute of Justice (TIJ)
- World Health Organization (WHO) Guidelines on COVID-19 in Correctional Facilities
- สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)