
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระแสการซื้อขายของมือสองทั่วโลกโตวันโตคืน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงของสะสมหายาก หลายประเทศมีแพลตฟอร์มที่คนแห่เข้าใช้งานกันเป็นล้าน ๆ คน แต่พอมองกลับมาที่ไทย ตลาดของมือสองดูเหมือนจะโตไม่สุด แล้วคำถามก็คือ—ทำไม?
1. คนไทยยังผูกกับ “ของใหม่” มากกว่า “ของดี”
วัฒนธรรมไทยมักยึดติดกับภาพลักษณ์ของความใหม่ = คุณค่า โดยเฉพาะในของบางประเภท เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า หรือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งการใช้ของมือสองในสายตาหลายคนยังถูกมองว่า “ไม่เท่” หรือ “ไม่น่าเชื่อถือ” ทั้งที่ของเหล่านั้นยังใช้งานได้ดีและราคาถูกลงมาก
ในขณะที่คนรุ่นใหม่เริ่มหันมาสนใจของมือสองเพื่อความคุ้มค่าและความยั่งยืน แต่กระแสนี้ยังเป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ ในสังคมเมื่อเทียบกับต่างประเทศที่ “มือสอง” กลายเป็นทางเลือกหลักไปแล้ว
2. ความเชื่อมั่นในระบบ “ยังสร้างไม่ครบ”
แพลตฟอร์มมือสองในไทยจำนวนไม่น้อยยังขาดระบบตรวจสอบคุณภาพสินค้า การรับประกัน หรือการระงับข้อพิพาทอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ซื้อจึงต้อง “เสี่ยงดวง” ว่าของที่สั่งมาจะตรงปกแค่ไหน และถ้าเจอปัญหาก็อาจหาที่พึ่งได้ยาก
ในขณะที่แพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง eBay, Vinted หรือ Mercari มีระบบประเมินผู้ขาย ตรวจสอบสินค้า และคืนเงินได้จริง ทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกปลอดภัยกว่า
3. ตลาดเฉพาะกลุ่มยังไม่ถูกกระตุ้นเท่าที่ควร
ของมือสองไม่ได้มีแค่ของใช้ทั่วไป แต่รวมถึงของเฉพาะทาง เช่น อุปกรณ์กีฬา, เครื่องเสียง, กล้อง, เฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ ฯลฯ ซึ่งในต่างประเทศ ตลาดเหล่านี้มีแอปหรือเว็บไซต์เฉพาะกลุ่มให้บริการชัดเจน แต่ในไทยยังอยู่ในระดับการซื้อขายกันใน Facebook Group หรือ Marketplace ที่ไม่ค่อยมีระบบจัดการที่ดีนัก
ถ้าผู้ประกอบการสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มเฉพาะกลุ่มที่สร้างความเชื่อมั่นและใช้งานง่ายได้มากพอ ก็อาจจุดกระแสให้ตลาดมือสองในไทยเติบโตแบบก้าวกระโดดได้
4. ความไว้วางใจยังผูกกับตัวบุคคล มากกว่าระบบ
พฤติกรรมของผู้ซื้อขายคนไทยยังคุ้นกับการ “คุยก่อนค่อยโอน” หรือ “นัดเจอเพื่อดูของ” ซึ่งสะท้อนว่าเราเชื่อคนก่อนเชื่อระบบ ขณะที่แพลตฟอร์มที่เติบโตได้ดีในต่างประเทศมักสร้างระบบที่คนเชื่อถือได้โดยไม่ต้องรู้จักกันมาก่อน
นี่อาจเป็นทั้งข้อจำกัดและโอกาส หากผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเข้าใจธรรมชาติของผู้ใช้ไทยและออกแบบระบบที่ “ดูแลความสัมพันธ์ระหว่างคนแปลกหน้า” ได้ดีขึ้น เช่น ระบบความน่าเชื่อถือแบบลึก การการันตีคุณภาพ หรือระบบจ่ายเงินแบบกึ่งกลาง
ยังไม่โต เพราะยังไม่เจอจุดที่ “ใช่”
ตลาดของมือสองในไทยไม่ได้หยุดนิ่ง แต่ยังรอจังหวะที่จะกลายเป็นกระแสหลัก ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของค่านิยมทางสังคม, การพัฒนาระบบเทคโนโลยีที่ทำให้คนมั่นใจมากขึ้น, หรือแม้กระทั่งวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้คนต้องหาทางประหยัดอย่างจริงจัง
ในวันที่คนเริ่มตั้งคำถามกับ “ความคุ้มค่า” แทน “ความใหม่” โอกาสของแพลตฟอร์มมือสองในไทยก็อาจมาถึงในไม่ช้า