
เมื่อ narrative ไม่ได้เกิดขึ้นเอง
AI กับบทบาทที่ไม่ได้เป็นกลางเสมอ
หลายคนอาจยังเชื่อว่า AI คือเทคโนโลยีที่ “ว่างเปล่า” ไม่มีเจตนา ไม่เอนเอียง แต่ในความเป็นจริง AI ทำงานจากข้อมูล — ซึ่งถูกเลือกมาโดย “ใครบางคน” ข้อมูลเหล่านั้นจึงไม่เคยปลอดจากอคติ และเมื่อ AI ถูกนำไปใช้เพื่อกำหนดว่าใครเห็นอะไร เรื่องไหนสำคัญ มุมมองไหนถูกผลักให้เด่น — นั่นคือการควบคุม narrative แบบที่เราแทบไม่รู้ตัว
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด
ฟีดข่าวในโซเชียลมีเดีย, ผลลัพธ์การค้นหา, หรือการแนะนำวิดีโอ ล้วนถูกขับเคลื่อนด้วยระบบอัลกอริทึมที่เรียนรู้จากพฤติกรรมผู้ใช้ ซึ่งแม้จะดู “เฉพาะบุคคล” แต่ในความจริงมันคือการสร้างโลกเล็ก ๆ ที่ AI คัดสรรมาให้เรา — และโลกนั้นไม่ได้เป็นกลาง
ใครควรเป็นคนออกแบบ narrative ของสังคม?
นักพัฒนา หรือ นักนโยบาย?
วันนี้ narrative ของสังคมไม่ได้ถูกกำหนดโดยนักข่าวหรือสื่อมวลชนเท่านั้น แต่กลับอยู่ในมือของนักพัฒนา AI บริษัทเทคโนโลยี และผู้ควบคุมข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่มีวิสัยทัศน์ด้านจริยธรรม สังคม หรือความเท่าเทียม
เสียงของประชาชนในระบบอัตโนมัติ
หากเรายอมให้ AI กำหนด narrative โดยไม่มีการกำกับจากภาครัฐหรือภาคประชาสังคม สังคมอาจตกอยู่ในมือของ “ขุนศึกดิจิทัล” ที่ไร้ความรับผิดชอบ การออกแบบระบบ narrative จึงควรเป็นผลลัพธ์ของกระบวนการร่วม — ทั้งนักวิชาการ ภาคประชาชน และผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายมุมมอง
ทำไมเราถึงควรตั้งคำถามกับ narrative ที่เห็นทุกวัน
เพราะสิ่งที่ “ไม่ถูกเลือก” อาจสำคัญกว่า
Narrative ที่ปรากฏ คือสิ่งที่ AI “เลือกให้เราเห็น” — แล้วเนื้อหาที่ไม่ถูกเลือกหายไปไหน? การตั้งคำถามกับสิ่งที่เราไม่เห็นอาจทำให้เรามองเห็นโครงสร้างอำนาจเบื้องหลังการจัดลำดับข้อมูลเหล่านี้ได้ชัดเจนขึ้น
ยิ่งเข้าใจ narrative ยิ่งปลดล็อกการครองอำนาจ
ผู้ที่ควบคุม narrative ย่อมควบคุมทิศทางสังคมในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ หรือค่านิยม การรู้เท่าทันจึงไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี — แต่มันคือเรื่องของอำนาจและอนาคตของประชาธิปไตย บางครั้ง…สิ่งที่เราคิดว่า “เป็นกลาง” อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่ใครบางคนวางไว้ให้เราเชื่อก็ได้ ถ้าระบบ narrative ของสังคมถูกกำหนดโดยอัลกอริทึม — เราควรยอมรับมันเฉย ๆ หรือร่วมกันออกแบบใหม่ให้ทุกเสียงมีที่ยืน?