
เวลาคนพูดถึง “AI ฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ” คำถามหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครถามคือ —
แล้ว AI ไปเรียนรู้อะไรมา? และใครให้มันเรียน?
ความจริงคือ AI ไม่ได้ฉลาดขึ้นเองแบบลอย ๆ
เบื้องหลังการเรียนรู้ของมัน คือ “ข้อมูล” จำนวนมหาศาลที่มีคนคัด เลือก และอธิบายให้มันฟัง
หนึ่งในบริษัทที่อยู่เบื้องหลังการป้อนข้อมูลให้ AI ระดับโลก ก็คือ Scale AI
บริษัทที่ก่อตั้งโดย Alexandr Wang และให้บริการกับเจ้ายักษ์อย่าง Tesla, OpenAI และกระทรวงกลาโหมสหรัฐ
Scale AI ได้ข้อมูลมาจากไหน?
หลายคนอาจกังวลว่า บริษัทแบบนี้ “ไปแอบเอาข้อมูลใครมาหรือเปล่า”
คำตอบคือ — ข้อมูลที่ใช้มีที่มาอย่างชัดเจน และได้รับ “ความยินยอม” ผ่านรูปแบบต่าง ๆ
1. จากลูกค้าบริษัทใหญ่ (แบบมีสัญญาถูกต้อง)
เช่น Tesla ส่งภาพจากกล้องรถที่ผู้ใช้ กดยินยอมแชร์ข้อมูลไว้แล้ว
Scale AI มีหน้าที่แค่จัดหมวดหมู่ วิเคราะห์ และส่งกลับไปให้ Tesla ใช้ฝึกโมเดล
2. จากชุดข้อมูลสาธารณะ (Open Data)
เช่น Wikipedia, ภาพจาก ImageNet หรือบทความข่าวจาก Common Crawl
ข้อมูลกลุ่มนี้เผยแพร่โดยถูกกฎหมาย และมักจะไม่มีข้อมูลส่วนตัวปะปน
3. จากข้อมูลที่สร้างขึ้นเอง (Synthetic Data)
บริษัทบางแห่งไม่ได้ใช้ข้อมูลจริงเลย แต่สร้าง “สถานการณ์จำลอง” ขึ้นมา เช่น
- ถนนเสมือนสำหรับสอนรถขับเอง
- แชตจำลองเพื่อเทรนบอทพูดคุย
ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับคนจริง ๆ แม้แต่น้อย แต่ช่วยให้ AI เรียนรู้ได้ปลอดภัย
แล้วความยินยอมของคนอยู่ตรงไหน?
คำว่า “ยินยอม” ไม่ใช่แค่กดปุ่มใช้งานแอปแล้วจบ
แต่บริษัทเหล่านี้ต้อง:
- ให้ผู้ใช้กดยินยอมอย่างชัดเจน (opt-in)
- แจ้งว่าจะนำข้อมูลไปใช้เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเท่านั้น
- ลบข้อมูลระบุตัวตน (เช่น ใบหน้า, ป้ายทะเบียน) ก่อนนำไปใช้
- และต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น PDPA, GDPR อย่างเคร่งครัด
แล้วเราควรทำยังไง?
การที่ AI ฉลาดขึ้นทุกวัน มันไม่ใช่เรื่องไกลตัว
เพราะเบื้องหลังของการ “เรียนรู้” ก็คือข้อมูลจากมนุษย์อย่างเรา
สิ่งที่เราทำได้คือ:
- อ่านเงื่อนไขก่อนกดยินยอมทุกครั้ง
- ใช้บริการที่เคารพความเป็นส่วนตัว
- ถ้ามีสิทธิ์ “ปิดการแชร์ข้อมูล” ก็ควรใช้มันอย่างรู้คุณค่า
ถ้า AI ในอนาคตจะเก่งจนเปลี่ยนโลกได้จริง...
ขอให้โลกใบนั้นยังเต็มไปด้วย “ข้อมูลที่ได้มาจากความสมัครใจ ไม่ใช่การลักลอบ”