
ในยุคที่ทุกอย่างขยับเข้าสู่โลกออนไลน์ การยืนยันตัวตนไม่ใช่แค่การโชว์บัตรประชาชนอีกต่อไป นี่คือจุดเริ่มต้นของแนวคิด Digital ID หรือ ตัวตนดิจิทัล—ระบบที่ช่วยให้เราสามารถระบุตัวตนของตัวเองผ่านเทคโนโลยี โดยไม่ต้องใช้เอกสารจริงทุกครั้งที่ต้องยืนยันตัวเอง
แล้ว Digital ID ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
- เข้าถึงบริการภาครัฐ เช่น การขอใบอนุญาตหรือยื่นภาษีออนไลน์
- ลงทะเบียนบัญชีธนาคาร หรือสมัครสินเชื่อ โดยไม่ต้องไปที่สาขา
- ลงชื่อเข้าใช้ระบบต่าง ๆ อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยการเข้ารหัสและการตรวจสอบตัวตนที่แม่นยำ
หลายประเทศ เช่น เอสโตเนีย และสิงคโปร์ ถือเป็นผู้นำในการพัฒนา Digital ID ที่ประชาชนใช้แทนเอกสารเกือบทุกประเภท ซึ่งช่วยลดขั้นตอนยุ่งยาก และเพิ่มความปลอดภัยอย่างมาก
แล้ว Viggle AI เกี่ยวอะไรด้วย?
ขณะที่ Digital ID คือการยืนยันตัวตนของเราบนโลกออนไลน์ Viggle AI คืออีกมิติของ “การแสดงตัวตน” ในโลกเสมือน
Viggle AI เป็นแพลตฟอร์ม AI ที่สามารถสร้าง วิดีโออนิเมชันจากภาพนิ่ง หรือแม้แต่ทำให้ภาพนิ่ง “เต้น” ได้ตามเพลง คล้าย ๆ กับการใส่ชีวิตลงไปในภาพ วิดีโอที่ออกมาดูสมจริงและเคลื่อนไหวลื่นไหลราวกับถูกถ่ายทำจริง โดยผู้ใช้งานสามารถอัปโหลดภาพของตัวเองหรือใครก็ได้ แล้วเลือกท่าเต้น เพลง หรือแม้กระทั่งลักษณะการแสดงออก เพื่อสร้างวิดีโอแบบ AI-generated ได้ภายในไม่กี่นาที
ทำไม Digital ID และ Viggle AI ถึงควรอยู่ในบทสนทนาเดียวกัน?
เพราะทั้งคู่กำลังเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์ “ปรากฏตัว” ในโลกดิจิทัล
Digital ID เน้นที่ ความถูกต้องและความปลอดภัยของตัวตน
ส่วน Viggle AI นำเสนอ ความเป็นตัวตนที่ปรับเปลี่ยนและสร้างสรรค์ได้ แบบไร้ขอบเขต
ลองจินตนาการถึงโลกที่เราสามารถ “เข้าระบบ” ด้วย Digital ID เพื่อใช้งาน Metaverse และเลือกแสดงตัวเองผ่าน Avatar ที่ขับเคลื่อนโดย AI อย่าง Viggle นี่อาจเป็นอนาคตที่ไม่ไกลเกินคิด
ในโลกที่เรายืนยันตัวตนผ่านตัวเลข รหัส และใบหน้า เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ “ตัวตน” เป็นได้ทั้งของจริงและของจำลองพร้อมกัน อาจถึงเวลาที่เราต้องตั้งคำถามว่า — สิ่งที่เรียกว่า "ตัวเรา" คืออะไรแน่?