มือถือเร็วขึ้น แต่อะไรคือความต่าง?
ในยุคที่อินเทอร์เน็ตคือทุกสิ่ง หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า 4G, 5G และ Wi-Fi 6 ผ่านหู แต่รู้ไหมว่ามันต่างกันยังไง? แล้วแต่ละแบบเหมาะกับสถานการณ์ไหนบ้าง? วันนี้เรามาแยกให้เห็นแบบง่าย ๆ เลยครับ
4G คืออะไร?
4G หรือ "Fourth Generation" คือเครือข่ายมือถือที่เราใช้กันอยู่ทั่วไปในตอนนี้
ความเร็ว: โหลดวิดีโอได้ลื่น ดู YouTube, Facebook หรือเล่นเกมออนไลน์ได้สบาย
ข้อดี: ครอบคลุมทั่วไทย ใช้ได้แม้ในพื้นที่ห่างไกล
ข้อจำกัด: ความเร็วเริ่มอืดถ้ามีคนใช้เยอะมาก ๆ ในพื้นที่เดียวกัน เช่น งานคอนเสิร์ตหรือสนามกีฬา
5G คืออะไร?
5G คือรุ่นใหม่ของเครือข่ายมือถือที่เน้นความเร็วสูงและความหน่วงต่ำ
ความเร็ว: เร็วกว่า 4G หลายเท่า โหลดหนัง HD แค่ไม่กี่วินาที
ข้อดี: รองรับการใช้งานหนัก เช่น ดู AR/VR, ควบคุมรถยนต์ไร้คนขับ หรือแม้แต่การผ่าตัดทางไกล
ข้อจำกัด: ยังมีเฉพาะในบางพื้นที่ และมือถือที่รองรับ 5G ยังมีราคาสูงอยู่บ้าง
Wi-Fi 6 คืออะไร?
Wi-Fi 6 คือมาตรฐาน Wi-Fi ล่าสุด ใช้ในบ้านหรือออฟฟิศ
ความเร็ว: เร็วกว่า Wi-Fi 5 (รุ่นเดิม) โดยเฉพาะเมื่อมีหลายอุปกรณ์เชื่อมต่อพร้อมกัน
ข้อดี: ลดการชนกันของสัญญาณ มีความเสถียรมากขึ้น เหมาะกับบ้านที่มีอุปกรณ์ IoT เยอะ ๆ
ข้อจำกัด: ต้องใช้เราท์เตอร์และอุปกรณ์ที่รองรับ Wi-Fi 6 ถึงจะเห็นประสิทธิภาพเต็มที่
สรุปแบบง่ายสุด ๆ
-
4G คืออินเทอร์เน็ตบนมือถือที่เราใช้กันเป็นหลักในปัจจุบัน โหลดคลิป เล่นเกม ดูหนังได้ลื่นพอสมควร เหมาะกับการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าอยู่ในที่คนเยอะ ๆ อาจเริ่มช้า
-
5G คืออินเทอร์เน็ตมือถือรุ่นใหม่ที่เร็วกว่า 4G หลายเท่า เหมาะกับการดูหนังคมชัด เล่นเกมออนไลน์ไม่ดีเลย์ หรือใช้งานเทคโนโลยีล้ำ ๆ อย่าง AR/VR แต่ยังใช้ได้เฉพาะบางพื้นที่และต้องมีมือถือที่รองรับ
-
Wi-Fi 6 คืออินเทอร์เน็ตไร้สายในบ้านหรือที่ทำงานแบบใหม่ ที่ออกแบบมาให้เร็วขึ้นและเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาเชื่อมต่อหลายเครื่องพร้อมกัน เช่น ทีวี มือถือ แล็ปท็อป อุปกรณ์ IoT ทั้งหมดในบ้าน