Google, YouTube, TikTok…เก็บข้อมูลอะไรของเราบ้าง?
เคยสงสัยไหมว่า แค่ดูวิดีโอ กดไลก์ หรือพิมพ์คำค้นหา
แพลตฟอร์มเหล่านี้ “รู้” เราได้มากขนาดไหน?
ข้อมูลที่ถูกเก็บ: มากกว่าแค่สิ่งที่คุณเห็น
1. ข้อมูลที่คุณให้ตอนสมัคร
- ชื่อ-อีเมล-เบอร์โทร
- อายุ เพศ ที่อยู่
- ความสนใจ (หากเชื่อมกับบริการอื่น เช่น Google Maps, Gmail)
2. ข้อมูลพฤติกรรมการใช้งาน
- ค้นหาอะไรบน Google
- ดูวิดีโออะไรบน YouTube นานแค่ไหน
- กดไลก์/คอมเมนต์อะไรใน TikTok
- เวลาที่คุณออนไลน์ และพฤติกรรมระหว่างวัน
3. ตำแหน่งที่อยู่ (Location Tracking)
- GPS (ถ้าเปิด)
- Wi-Fi ที่เชื่อมต่อ
- Cell Tower ที่มือถือเชื่อมสัญญาณ
4. เสียงหรือภาพ (ในบางกรณี)
- หากให้สิทธิ์แอปเข้าถึงไมโครโฟน/กล้อง
- บางแอปอาจใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรม เช่น เสียงหัวเราะ หรือการแสดงอารมณ์ผ่านวิดีโอ
ตัวอย่างจริง: “ดูคลิปแมววันเดียว โฆษณาอาหารแมวตามมาเต็มฟีด”
เคยเกิดขึ้นไหม?
แค่ดูคลิปทำอาหาร/แมว/แต่งบ้าน แล้วโฆษณาในทุกแอปก็กลายเป็นแนวนั้นทันที นั่นเพราะระบบวิเคราะห์พฤติกรรมของคุณอยู่ตลอด
แล้วเรามี “สิทธิ” ควบคุมข้อมูลแค่ไหน?
ตามกฎหมายไทย (PDPA) และในบางประเทศ:
- สิทธิรู้: ว่าเก็บข้อมูลอะไรไปบ้าง
- สิทธิยินยอม: ต้องขออนุญาตก่อนเก็บข้อมูล
- สิทธิลบข้อมูล: ขอให้ลบได้ (บางกรณี)
- สิทธิถอนความยินยอม: เปลี่ยนใจไม่ให้เก็บเพิ่มได้
ใครมีสิทธิ?
- ทุกคนที่ใช้บริการออนไลน์ที่อยู่ในไทย
- รวมถึงผู้ที่มีบัญชีในแพลตฟอร์มข้างต้น แม้อยู่ในต่างประเทศ หากเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการในไทย
จะดูหรือลบข้อมูลตัวเองยังไง?
Google:
- myactivity.google.com → ดูและจัดการประวัติการใช้งาน
- ตั้งค่าปิด Ads Personalization และ Location History ได้
YouTube:
- ล้าง Watch & Search History → ตั้งค่าให้ไม่เก็บได้ใน [YouTube Settings]
TikTok:
- ไปที่ Settings → Privacy → Download your data
- ขอไฟล์ข้อมูลทั้งหมดที่ TikTok เก็บไว้ได้
ทบทวนอีกครั้งก่อนวางมือถือ:
- ทุกแอป “ไม่ได้ใช้ฟรีจริงๆ” สิ่งที่แลกคือ ข้อมูลของเรา
- ยิ่งใช้นาน ยิ่งรู้จักเรามากขึ้น
- เข้าไปตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้เสมอ อย่าปล่อยให้มันตัดสินแทนเรา
- รู้สิทธิของตัวเองและกล้าใช้มัน ปกป้องข้อมูลได้มากกว่าที่คิด