
Web3 คืออะไร (และไม่ใช่อะไร)
Web3 ไม่ใช่แค่การมีเหรียญคริปโตในมือ ไม่ใช่แค่โลกของ NFT หรือ Metaverse แบบที่เคยได้ยินผ่าน ๆ แต่คือโครงสร้างใหม่ของอินเทอร์เน็ตที่ผู้ใช้ “เป็นเจ้าของ” จริง ๆ ไม่ใช่เพียง “ใช้บริการ” อย่างในยุค Web2 ที่แพลตฟอร์มรวมศูนย์อย่าง Facebook, Google หรือ YouTube ครอบครองทั้งข้อมูลและรายได้
จาก Web1 → Web2 → สู่ Web3
-
Web1: อ่านได้อย่างเดียว เว็บแบบสถิติต้นยุค 2000
-
Web2: อ่านและเขียนได้ มีการแชร์ มีคอมเมนต์ มีโซเชียล
-
Web3: อ่าน เขียน และ เป็นเจ้าของได้ ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนและระบบกระจายศูนย์
อะไรที่เราจะ "เป็นเจ้าของ" ได้จริงใน Web3
1. ข้อมูลส่วนตัวของเรา
ใน Web2 ข้อมูลผู้ใช้คือ “สินค้า” ที่แพลตฟอร์มเอาไปขายโฆษณา แต่ใน Web3 เราควบคุมได้ว่าจะให้ใครเข้าถึงข้อมูลส่วนไหน และจะแลกเปลี่ยนมันด้วยเงื่อนไขแบบใด
2. ทรัพย์สินดิจิทัล
ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ เพลง ตั๋ว หรือโทเคน เราจะเป็นเจ้าของได้โดยไม่ต้องพึ่งตัวกลาง ไม่มีใครยึดได้แม้เราจะไม่ได้เข้าสู่ระบบเป็นปี
3. บทบาทในระบบเศรษฐกิจ
ใน Web3 ผู้ใช้งานสามารถร่วมกำหนดทิศทางของแพลตฟอร์ม (ผ่านระบบ DAO) หรือรับรายได้จากการใช้งาน เช่น ได้โทเคนจากการเล่นเกม แชร์คอนเทนต์ หรือให้บริการ
แล้วเราจะ “เชื่อใจ” อินเทอร์เน็ตใหม่ได้อย่างไร
เพราะ Web3 ไม่มีคนกลางเป็นผู้ควบคุมหลัก คำถามคือ — แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไร “จริง” อะไร “ปลอม” คำตอบอยู่ที่ระบบ โปร่งใส และ ตรวจสอบได้ตลอดเวลา เช่น Smart Contract บนบล็อกเชนที่ใคร ๆ ก็เข้าไปดูโค้ดได้, การลงคะแนนที่ตรวจสอบได้บนเครือข่ายสาธารณะ หรือการจัดเก็บข้อมูลแบบไม่แก้ไขย้อนหลังได้
ตัวอย่าง Web3 ที่เริ่มเกิดขึ้นแล้ว
1. กระเป๋าเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (เช่น MetaMask, Rabby)
เราไม่ต้องสมัครด้วยอีเมล ไม่ต้องให้เบอร์โทรศัพท์ แค่สร้างกระเป๋าเงิน ก็สามารถเข้าใช้โลก Web3 ได้ทันที
2. แพลตฟอร์มที่แบ่งรายได้ให้ผู้ใช้ (เช่น Lens Protocol, Mirror)
ต่างจากโซเชียลมีเดียที่รายได้ไปอยู่กับบริษัท แพลตฟอร์มเหล่านี้ให้ผู้สร้างเนื้อหาได้ถือครองและขายเนื้อหาของตัวเองโดยตรง
3. เกมที่ผู้เล่นเป็นเจ้าของทรัพยากรในเกม
ทรัพย์สินในเกม เช่น ตัวละคร ไอเท็ม หรือที่ดิน เป็นของผู้เล่นจริง ๆ ไม่ใช่ของบริษัทเกมเหมือนแต่ก่อน
Web3 กับสังคมไทย — โอกาสที่มากกว่าการลงทุน
ในประเทศที่ผู้คนยังเข้าไม่ถึงโครงสร้างทางการเงินที่เป็นธรรม Web3 อาจเปิดช่องทางใหม่สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกร ศิลปิน และนักเรียนในชนบท ให้สามารถเข้าถึงตลาดโลกได้โดยไม่ต้องมีนายทุน แต่กุญแจสำคัญอยู่ที่ “ความเข้าใจ” และ “การออกแบบ” ให้เหมาะกับคนธรรมดาจริง ๆ ไม่ใช่แค่เทคสำหรับเทค
อินเทอร์เน็ตที่เราเป็นเจ้าของได้จริงนั้นไม่ได้แปลว่าทุกคนต้องเข้าใจบล็อกเชนลึกซึ้ง แต่หมายถึงว่าเราสามารถควบคุมชีวิตดิจิทัลของตัวเองได้มากขึ้น คำถามสำคัญจึงไม่ใช่แค่ “Web3 คืออะไร” แต่คือ “เราจะทำอะไรกับสิทธิ์ที่เราเพิ่งได้คืนกลับมานี้บ้าง”