ลองสังเกตตัวเองดูสิว่า ในแต่ละวันมีเสียงแจ้งเตือนมือถือดังขึ้นกี่ครั้ง? บางทีอาจมากจนเราไม่ทันได้รู้สึกตัว และแม้เราจะไม่เปิดดูทุกข้อความหรือแอป แต่เสียงนั้นก็ยังมากพอจะดึงสมาธิของเราหลุดจากสิ่งที่กำลังทำอยู่
เสียง “ติ๊ง!” หนึ่งครั้งอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ตลอดทั้งวัน มันก็ไม่ต่างจากการถูกสะกิดใจตลอดเวลา ร่างกายและสมองที่พยายามทำงานก็ต้องเปลี่ยนโฟกัสไปมาหลายครั้งจนน่าหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า “decision fatigue” หรือความล้าในการตัดสินใจ เพราะต้องประเมินว่าจะแค่ฟังเฉย ๆ หรือจะหยิบขึ้นมาเช็กดีไหม?
ยังไม่นับว่าแจ้งเตือนเหล่านั้นมักจะมาจากงานเร่งด่วน ข่าวร้าย หรือโพสต์ที่กระตุ้นอารมณ์ลบ ซึ่งสะสมเป็นความเครียดได้แบบเงียบ ๆ คล้ายเสียงที่ดูเหมือนไม่รบกวน แต่จริง ๆ แล้วกระทบจิตใจไม่น้อย
ทางออกไม่จำเป็นต้องถึงขั้นปิดมือถือหนีโลก แค่เริ่มจัดการเสียงแจ้งเตือนอย่างจริงจัง เช่น ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ตั้งเวลาหยุดพักจากหน้าจอ หรือใช้งานโหมด "ห้ามรบกวน" ระหว่างช่วงโฟกัสงานหรือพักผ่อน
เพราะชีวิตเรามีอะไรให้สนใจอีกมาก นอกเหนือจากเสียงเล็ก ๆ ที่ดังขึ้นมาทุกไม่กี่นาที ลองปล่อยให้ความเงียบช่วยฟื้นสมดุลให้จิตใจดูบ้าง แล้วคุณจะรู้ว่า ความเงียบนั้นมีค่ามากกว่าที่คิด
ลองตั้งคำถามง่าย ๆ กับตัวเองดูว่า...
ถ้าไม่มีเสียงเตือนเหล่านั้นเลย คุณจะรู้สึกอิสระมากขึ้นแค่ไหน?
เครดิต: ข้อมูลอ้างอิงจาก American Psychological Association, The Guardian, และงานวิจัยด้านพฤติกรรมจาก Harvard Business Review