
เงินฝืดเงียบคืออะไร?
เคยรู้สึกไหมว่าราคาสินค้าหลายอย่าง “ไม่ขึ้น” แต่กลับเห็นร้านค้าปิดตัว เศรษฐกิจดูนิ่ง ๆ และคนรอบข้างก็ใช้จ่ายน้อยลง? สิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่คือ “ภาวะเงินฝืดเงียบ” หรือ Silent Deflation ซึ่งกำลังซึมลึกอยู่ในระบบเศรษฐกิจไทย โดยที่หลายคนไม่ทันรู้ตัว
ภาวะเงินฝืดเงียบส่งผลอย่างไรต่อเรา?
ราคาสินค้าไม่ขึ้น แต่อาจไม่ใช่เรื่องดี
แม้ราคาจะดูคงที่ แต่เบื้องหลังคือความต้องการซื้อที่ลดลง ผู้คนชะลอการใช้จ่าย ทำให้ร้านค้าปรับราคาขึ้นไม่ได้ แม้ต้นทุนจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้ประกอบการต้องแบกภาระหนัก
เมื่อต้นทุนไม่ลดลง แต่ยอดขายกลับลดลงหรือทรงตัว ธุรกิจต้องตัดสินใจว่าจะลดพนักงาน ลดต้นทุน หยุดขยาย หรือเลิกกิจการไปเลย
คนทั่วไปใช้จ่ายอย่างระวัง
แม้จะพอมีเงินเก็บ แต่หลายคนเลือกที่จะไม่ใช้ เพราะไม่มั่นใจในอนาคต ส่งผลให้การหมุนเวียนของเงินในระบบลดลง ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมยิ่งชะลอตัว
รายได้และโอกาสในการทำงานหดตัว
เมื่อภาคธุรกิจไม่โต ก็ไม่มีการจ้างงานใหม่ และไม่เพิ่มค่าจ้าง รายได้ของคนทำงานจึงหยุดนิ่ง หรือ “ติดกับดักรายได้” ซึ่งสะสมกลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ
ภาวะเงียบ...แต่กระทบลึก
ภาวะเงินฝืดเงียบไม่ได้ส่งเสียงดังเหมือนเงินเฟ้อ แต่ผลกระทบแทรกซึมถึงทุกคน
เราจึงควรหมั่นสังเกตสัญญาณรอบตัว เช่น
-
ร้านค้าปิดตัวลง
-
มีโปรโมชั่นลดราคาบ่อย
-
มีการเลิกจ้างแบบไม่เป็นข่าว
ภาวะแบบนี้อาจสะท้อนว่าเศรษฐกิจต้องการแรงกระตุ้นจากภายนอก โดยเฉพาะจากภาครัฐ
ถึงเวลาขับเคลื่อนใหม่
แม้จะดูเงียบ แต่สถานการณ์แบบนี้ไม่ควรมองข้าม
เสียงเล็ก ๆ ของผู้บริโภคก็สามารถรวมเป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เช่น
-
เรียกร้องนโยบายเศรษฐกิจที่ตรงจุด
-
สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น
-
กลับมาใช้จ่ายอย่างมีเป้าหมาย เพื่อให้เงินหมุนเวียนกลับคืนสู่ระบบ
บางครั้งการหยุด...ก็เป็นการเริ่มต้นใหม่
เงินฝืดเงียบอาจเป็นสัญญาณเตือนที่ดีให้ทั้งรัฐ ธุรกิจ และผู้บริโภค หยุดคิด ทบทวน และปรับวิธีขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เหมาะกับโลกยุคใหม่ — โลกที่เปลี่ยนไว และไวต่อ “ความเงียบ” มากกว่าที่เราคิด