“ทำไมร้อนแบบนี้? ทำไมไม่มีฝนสักที?” เสียงบ่นที่เรามักได้ยินในช่วงฤดูแล้ง ยิ่งปีหลัง ๆ ดูเหมือนสถานการณ์ภัยแล้งในไทยจะยิ่งน่ากังวลขึ้นเรื่อย ๆ แต่คำถามคือ — มันแย่กว่าก่อนจริงไหม หรือเราแค่รับรู้มากขึ้น?
เรื่องที่ควรรู้
1. ภัยแล้งคืออะไร?
ภัยแล้งไม่ได้แปลว่า "ไม่มีน้ำ" เสมอไป แต่หมายถึง “น้ำไม่พอใช้” ทั้งในภาคเกษตร การอุปโภคบริโภค และการผลิต ซึ่งอาจเกิดจากฝนน้อย ฝนมาไม่ตรงฤดู หรือจัดการน้ำไม่ดี
2. เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน: ปีไหนหนักสุด?
- ปี 2526: ภัยแล้งรุนแรงทำให้ผลผลิตข้าวหอมมะลิลดลงมากกว่า 30%
- ปี 2537: น้ำในเขื่อนหลักลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
- ปี 2558-2559: ภัยแล้งกระทบพื้นที่เพาะปลูกกว่า 40 จังหวัด
- ปัจจุบัน (2566-2567): ปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้ฝนมาน้อย หลายพื้นที่ประสบภัยซ้ำซาก
3. อุณหภูมิที่สูงขึ้น = น้ำระเหยมากขึ้น
ไทยร้อนขึ้นจริง อุณหภูมิเฉลี่ยรายปีสูงขึ้นเกือบ 1°C ในรอบ 60 ปี น้ำระเหยเร็ว พื้นดินแห้งไวกว่าก่อน
4. เทคโนโลยีดีขึ้น แต่ทำไมยังแล้ง?
แม้จะมีระบบเตือนภัย เขื่อน และโครงการผันน้ำมากมาย แต่การใช้ทรัพยากรน้ำยังไม่สมดุล และการขยายเมืองทำให้พื้นที่ซึมน้ำลดลง
5. ผลกระทบไม่ได้เท่าเดิมเสมอไป
ภัยแล้งยุคนี้อาจไม่ได้หนักที่สุดในเชิงปริมาณน้ำ แต่กระทบวงกว้างขึ้น เช่น ภาคอุตสาหกรรมหรือเมืองใหญ่ที่ต้องใช้น้ำมาก
มองให้ไกลกว่าแค่วันนี้
แม้ภัยแล้งในไทยจะมีมาตลอด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอดีต เราเจอกับภัยแล้งที่ “ซับซ้อน” และ “กว้างขวาง” มากขึ้น เพราะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและวิถีชีวิต ถ้าเราไม่วางแผนจัดการน้ำอย่างจริงจังในระดับประเทศ อนาคตอาจไม่ได้แค่แล้ง — แต่อาจไม่มีน้ำใช้เลยก็ได้
"ภัยแล้งไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถ้าเราไม่ปรับตัว มันจะกลายเป็นปัญหาที่แก้ไม่ทัน"