
ในระบบรัฐสภาไทย การจัดตั้งรัฐบาลมักอิงตามจำนวนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่บ่อยครั้งที่เราจะได้ยินคำว่า “เสียงข้างน้อยในรัฐบาล” โผล่ขึ้นมาอย่างน่าตั้งคำถาม…เสียงข้างน้อยที่ว่าคือใคร? ทำไมถึงได้อยู่ในรัฐบาล? และบทบาทของเขามีแค่ประดับฉากหรือมีผลจริง?
เสียงข้างน้อยคืออะไรในทางการเมือง?
โดยทั่วไป “เสียงข้างน้อย” หมายถึงพรรคหรือกลุ่มที่มีจำนวน ส.ส. ไม่เพียงพอในการครองอำนาจเด็ดขาด ต้องพึ่งพาความร่วมมือจากพรรคอื่น ซึ่งหากพรรคเหล่านี้ได้รับเชิญให้เข้าร่วมรัฐบาล ก็จะกลายเป็น “เสียงข้างน้อยในรัฐบาล” — ไม่ได้กำหนดทิศทางหลักของนโยบาย แต่มีส่วนร่วมในการบริหารและการตัดสินใจบางเรื่อง
ยกตัวอย่างในอดีต มีพรรคขนาดกลางที่แม้มี ส.ส. ไม่ถึง 20 คน แต่ได้รับกระทรวงสำคัญในรัฐบาล เพราะเป็น “ตัวแปร” ที่ทำให้เสียงข้างมากมีความมั่นคงมากขึ้น
ทำไมถึงดึงเสียงข้างน้อยมาร่วมรัฐบาล?
เหตุผลหลักคือ “เสถียรภาพทางการเมือง”
รัฐบาลที่เสียงปริ่มน้ำ (เสียงมากกว่าฝ่ายค้านแค่เล็กน้อย) มีความเสี่ยงที่จะถูกล้มได้ง่ายในสภา ดังนั้นจึงต้องดึงพรรคเล็กเข้าร่วม เพื่อเพิ่มเสียงสนับสนุนในสภา แม้ว่าพรรคเหล่านี้จะไม่ได้มีคะแนนเสียงจากประชาชนในระดับกว้างก็ตาม
อีกเหตุผลหนึ่งคือ “การต่อรองเชิงนโยบาย”
พรรคขนาดเล็กมักมีวาระเฉพาะกลุ่ม เช่น ปัญหาภาคใต้ สิทธิกลุ่มชาติพันธุ์ หรือเกษตรกรรมบางประเภท การเข้าร่วมรัฐบาลทำให้พวกเขามีช่องทางผลักดันนโยบายเหล่านี้
แล้วประชาชนควรจับตาอะไร?
แม้ดูเหมือนว่าการมีพรรคเล็กในรัฐบาลจะเป็นเรื่องทางเทคนิค แต่ในทางปฏิบัติ เสียงข้างน้อยอาจส่งผลต่อทิศทางนโยบาย ทั้งในทางสนับสนุนและขัดขวาง เช่น กฎหมายบางฉบับอาจถูกล็อบบี้ให้เลื่อนหรือถูกแปรเปลี่ยนเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มฐานเสียงของพรรคขนาดเล็ก
นอกจากนี้ การได้เป็นรัฐมนตรีหรือมีอำนาจบริหารบางกระทรวง ยังเปิดช่องให้เกิด “การใช้อำนาจในเชิงผลประโยชน์” หากไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
บางครั้ง ‘เสียงเล็ก’ ที่ดูเงียบ ๆ กลับกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในเครื่องจักรรัฐบาล จะด้วยเจตนาดีหรือหวังผลแอบแฝงก็แล้วแต่ ท้ายที่สุด สิ่งที่ควรถามคือ...เราในฐานะประชาชน ได้ใช้เสียงของเราอย่างเข้าใจเกมนี้มากพอหรือยัง?