ตลท.ชง "คลัง" เว้นภาษี บจ.ย้อนหลัง ลุย Jump+ พ.ค.นี้

เผยแพร่ : 18 ก.พ. 2568 11:45:11
X
• ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าโครงการ Jump+ คาดเปิดใช้ พ.ค. นี้ เพื่อเพิ่มมูลค่าและศักยภาพ บจ. คาดมี บจ. เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 50 แห่ง
• ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างทบทวนเกณฑ์การซื้อหุ้นคืนของบริษัทจดทะเบียน

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าเสนอคลังเว้นภาษีกำไรย้อนหลัง บจ. พร้อมเดินหน้าโครงการ Jump+ คาดเปิดใช้เดือน พ.ค.นี้ หวังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มศักยภาพ เบื้องต้นคาด บจ. เข้าร่วมไม่น้อยกว่า 50 แห่ง ขณะทบทวนเกณฑ์ซื้อหุ้นคืนหนุน

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เปิดเผยถึงมาตรการกระตุ้นตลาดทุนประกอบด้วย Co -location คาดเริ่มไตรมาส 2 นี้ ด้วยการปรับให้เป็นบริการพื้นฐานเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้ผู้ลงทุนทุกกลุ่มและให้ บล.ใช้บริการฟรี และมีค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า ซึ่งผู้ลงทุนที่เป็นลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้สามารถได้ประโยชน์จากบริการนี้ คาดหลังไตรมาส 2 ของปีนี้น่าจะมีบริษัทหลักทรัพย์ใช้บริการมากกว่าครึ่งหนึ่ง

นอกจากนี้ ยังเดินหน้าเจรจาหารือกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับ ความเป็นไปได้การถ่ายโอนกองทุน หลังพบว่าตลาดทุนไทยผันผวนสูง ด้วยการนำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบอายุเข้ามาอยู่ในกองทุนใหม่นี้ เข้าไปรวมกับ TESG อีกทั้งเตรียมนำเสนอภาครัฐ เพื่อหาวิธีลดขั้นตอนการอนุมัติและต้องดัดแปลงเอื้อและดึงดูดให้บริษัทต่างชาติเข้ามาจดทะเบียนในตลาดทุนไทย

นอกจากนี้ ตลท. ต้องการเห็น บจ.ดำเนินธุรกิจสื่อสารกับนักลงทุนมากขึ้น อย่างธุรกิจสตาร์ทอัป เหมาะสมไหมที่จะงดเรียกเก็บภาษีเพราะความตั้งใจขอคือ ถ้า บจ.นั้นมีเป้าหมายเพิ่มผลการดำเนินงานของตัวเองใน 3 ปีข้างหน้า รัฐควรเว้นภาษี เพื่อเป็น Incentive สำหรับบริษัทจดทะเบียนมีแผนงานที่ชัดเจนในการเพิ่มมูลค่ากิจการของตนเอให้ดีขึ้นในระยะเวลาดังกล่าว

ขณะที่โครงการ Jump+ คือแนวคิดหนึ่งในวิธีการเพื่อช่วย บจ.สร้างผลงานและมูลค่าของบริษัทนั้นๆ และต้องการให้มีการทำแผนธุรกิจให้มีผลงานที่ดีต่อเนื่อง กรณีบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการหรือ M&A นั้น ยอมรับว่าปัจจุบันมี บจ. หลายแห่งทำบัญชีเป็น 2 บัญชี เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่ง ตลท. ต้องการจัดระบบให้ บจ. เหล่านั้นเปิดเผยข้อเท็จจริงให้ข้อมูลที่ชัดเจน รัฐควรดึงดูดด้วยการลดภาษีให้ ซึ่งเรื่องนี้ได้มีแนวคิดมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป จึงเตรียมหารือเพื่อสรุปผลและขออนุมัติจากกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ ตลท.อยากให้มีนิรโทรกรรมภาษีในอนาคต เชื่อว่าเมื่อเกิดการควบรวมแล้ว บริษัทนั้นสามารถสร้างกำไรให้สูง เพิ่มมูลค่า เพราะถ้ากำไรสูงจะมีมูลค่าเพิ่มในตัวบริษัทเอง และหากดึงบริษัทเหล่านั้นเข้ามาในระบบจะให้ตลาดเติบโตและประเทศชาติจะเติบโตด้วย ซึ่งการควบรวมกิจการจะเสริมให้ บจ.ไทยแข็งแกร่ง เพราะจะมี Synergy ต่างๆ ร่วมกัน มีประสิทภาพเพิ่มและยังลดต้นทุนได้ด้วย กระทั่งทำให้แข่งขันในตลาดโลกได้ เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 50 บริษัท

 

สำหรับโครงการ Jump+ จะเปิดตัวในเดือน พ.ค.นี้ เป็นโครงการที่มุ่งเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจในระยะ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งหัวใจหลักของโครงการ 4 ด้าน คือ 1) Growth 2) Visibility 3) Incentive 4) Trust & Confidence โดยจะมี Incentive ที่ให้บริษัทที่ร่วมโครงการและบริษัทที่สามารถพัฒนาได้ตามแผนที่วางไว้ เช่น การสนับสนุนค่าที่ปรึกษา หรือ FA การ roadshow ทั้งในและต่างประเทศ หรือการหารือแนวทางสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกำไรที่ทำได้เพิ่มขึ้นจากการเข้าร่วมโครงการ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังจะทบทวนเกณฑ์การซื้อหุ้นคืน หรือ Treasury Stock เพื่อเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยให้สะท้อนมูลค่าของกิจการออกมาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ หารือร่วมกับ ก.ล.ต. และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อปรับกฎเกณฑ์ของระยะเวลาการซื้อหุ้นคืนของบริษัทจดทะเบียนให้สะดวก คล่องตัว และเหมาะสม โดยศึกษาจากกฎเกณฑ์ของต่างประเทศเพื่อนำมาปรับใช้ และหากทั้ง 3 หน่วยงานเห็นชอบร่วมกัน คาดใช้เวลาไม่นาน

ทั้งนี้ ตัวเลขการซื้อหุ้นคืนพบว่าปี 66 มี 25 แห่งและปี 67 เพิ่มเป็น 39 แห่ง สำหรับเดือนแรกปี 68 มี 5 บริษัท

ที่มา : MgrOnline