รมช.พาณิชย์ลงพื้นที่แหล่งผลิตสินค้า GI “ส้มจุกจะนะ” พร้อมผลักดันเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น
เผยแพร่ : 26 พ.ย. 2567 23:06:48
• ผลักดันส้มจุกจะนะให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
• ขยายช่องทางการตลาดและลดต้นทุนการผลิต
• เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่เยี่ยมชมแหล่งผลิตสินค้า GI ส้มจุกจะนะ พร้อมผลักดันให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ขยายช่องทางการตลาด ช่วยลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นแบบครบวงจร
วันนี้ (26 พ.ย.) นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมกรมทรัพย์สินทางปัญญา ลงพื้นที่เยี่ยมชมสวนส้มจุกของผู้ใหญ่นี นายดนกอนี เหลาะหมาน เกษตรกรต้นแบบ หมู่ที่ 7 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา โดยมีคณะผู้บริหารและคณะทำงานกระทรวงพาณิชย์ นายอำเภอจะนะ ส่วนราชการและส่วนท้องถิ่นใน อ.จะนะ ร่วมลงพื้นที่และให้การต้อนรับ
ในการนี้ นายดนกอนี เหลาะหมาน เจ้าของสวนส้มจุกผู้ใหญ่นี ได้เล่าถึงความเป็นมาของการปลูกส้มจุกต่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้ปลูกส้มจุกจะนะพันธุ์พื้นเมือง ในเนื้อที่รวม 7 ไร่ กว่า 400 ต้น มีความตั้งใจที่จะพลิกฟื้นส้มจุกจะนะพันธุ์พื้นเมือง โดยในปี 2544 ได้เริ่มขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่งและเพาะขยายพันธุ์มาเรื่อยๆ จากนั้นได้ทดลองปลูกเริ่มแรก จำนวน 50 ต้น แต่ระยะแรกผลผลิตออกมาไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากส้มจุกเป็นพืชที่ดูแลยากกว่าส้มชนิดอื่น ต้องคอยเฝ้าระวังศัตรูทำลายส้ม เช่น แมลงวันทอง หนอนเขียว หากปล่อยปละละเลยจะได้ผลผลิตไม่มีคุณภาพ ต่อมาในปี 2560 ส้มจุกจะนะ เริ่มได้รับความนิยมและมีกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคมีมาก ผลผลิตออกมาเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ถึงขนาดที่ต้องสั่งจองล่วงหน้า
นอกจากจะจำหน่ายผลสุกแล้ว ยังจำหน่ายกิ่งพันธุ์ส้มจุกพื้นเมืองด้วย เพื่อเป็นการอนุรักษ์ผลไม้ประจำถิ่นเอาไว้ไม่ให้สูญหาย ซึ่งสวนส้มจุกแห่งนี้เป็นสวนที่ปราศจากสารเคมี มีการดูแลโดยวิธีธรรมชาติและได้ผลผลิตดีมีคุณภาพมีการควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน ส่งจำหน่ายในราคาสูง โดยคุณภาพเกรด A จะจำหน่ายในกิโลกรัมละ 200 บาท เกรด B 180 บาท และเกรด C 150 บาท
โดยลักษณะของภูมิศาสตร์ในพื้นที่ทำให้ส้มจุกจะนะมีลักษณะที่แตกต่างจากส้มพันธุ์ทั่วไป คือ ตรงบริเวณขั้วของผลจะมีเปลือกนูนสูงคล้ายจุก จึงถูกเรียกว่าส้มจุก ด้วยรสชาติที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัว รสหวานอมเปรี้ยว ไม่หวานจัด ผิวส้มมีกลิ่นหอมและได้รับฉายาว่าเป็น “ส้มหอมหมื่นลี้”
ปัจจุบัน เกษตรกรได้รวมตัวกันปลูกส้มจุกในลักษณะแปลงใหญ่ตามนโยบายของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีสมาชิกที่ให้ผลผลิตแล้วจำนวน 32 ราย ในเนื้อที่ประมาณ 280 ไร่ โดยมี สำนักงานเกษตร อ.จะนะ สำนักงานเกษตร จ.สงขลา รวมถึงสำนักงานพาณิชย์ จ.สงขลา ได้ให้ความสำคัญและส่งเสริมเกษตรกรมาโดยตลอด ทั้งการตลาด บรรจุภัณฑ์ การอบรมเรื่องทำตลาดออนไลน์ และ การเจรจาธุรกิจ เป็นต้น ในปี 2561 ได้ยื่นขอจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ชนิดที่สองของจังหวัดสงขลา ในปี 2564 ภายหลังการเยี่ยมชมรับทราบถึงความเป็นมา และได้ลิ้มลองรสชาติส้มจุกของ อ.จะนะ จ.สงขลา
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ส้มจุกจะนะ ถือเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่ตลาดต้องการเป็นอย่างมาก จำหน่ายได้ในราคาดี และเป็นพืชอัตลักษณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ อ.จะนะ ย้ำตลาดส้มจุกยังสดใสและเติบโตสูง กระทรวงพาณิชย์พร้อมเดินหน้าผลักดันการขยายช่องทางการตลาด สนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อลดต้นทุนและจะประสานกับไปรษณีย์ไทยในการขนส่งเพื่อให้ส้มจุกจะนะเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ในนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนด้วยสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าอัตลักษณ์ชุมชนมีความเชื่อมโยงกับพื้นที่แหล่งผลิต ภูมิปัญญาท้องถิ่นส่งผลให้สินค้ามีอัตลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI ทั่วประเทศแล้ว 212 สินค้า สร้างมูลค่าให้เศรษฐกิจของประเทศกว่า 76,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ให้ผู้ผลิตและในชุมชนนำมาสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
ที่มา : MgrOnline