“หนุ่ม กรรชัย” ไม่เสียความรู้สึก แค่ผิดหวัง จวกสิ่งที่ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ทำคือความเสื่อมทราม! (คลิป)

เผยแพร่ : 20 พ.ย. 2567 21:32:32

“หนุ่ม กรรชัย” เผยเรื่องฟ้อง “ฟิล์ม รัฐภูมิ” เพราะล้ำเส้นเกินไป ไม่เสียความรู้สึก แต่ผิดหวัง ไม่อยากฟังคำขอโทษ สิ่งที่ทำเป็นความเสื่อมทรามในสังคม ฟ้องเพราะอยากให้เป็นมาตรฐานสังคม ไม่ใช่วัว ไม่ใช่ควาย จะแถทำไม ไม่รับสายอีกฝ่ายเพราะเขินแทน ส่วนที่ถูกทนายคู่กรณีแซะไม่หยุด คาดคงเหงา สิทธิ์ของเขา แต่พิมพ์อะไรดูตัวเองก่อน กระจกไม่มี ก็เอากะลาตักน้ำแล้วมองนะ!



พักร่างพักใจ หนีไปเที่ยวจังหวัดน่านหลายวัน ทำแฟนรายการโหนกระแสบ่นคิดถึง สำหรับ “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ล่าสุดเจ้าตัวมาร่วมงานอีเวนต์หอแว่น “The New Vision By Better Vision” ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ก็ได้เผยถึงประเด็นนี้ รวมทั้งความคืบหน้ากรณีฟ้อง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” อ้างชื่อตนและรายการ ตบทรัพย์ 20 ล้าน
คนตามหาพี่หน่วง (หัวเราะ) ไม่ต้องตามหา ขอไปพักสักแป๊บนึง ก็แฮปปี้ดีครับ เหมือนเราไม่ได้พักนานมากก็ไปล้างท่อสักที คืออย่างนี้จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้พี่รู้จักกับคนที่เขาจับงูเก่งๆ อยู่คนนึง แล้วเขาพูดคำนี้ว่าพวกเขาจับงูจนชินแล้วเขารู้สึกว่ามันง่าย แล้วพอง่ายเสร็จความประมาทมันจะเกิด พอความประมาทเกิดเขาก็จะไม่ระวังงูก็จะฉกเขา ซึ่งมีน้องคนนึงก็โดนไปเหมือนกัน เพราะด้วยความเคยชินนี่แหละ เขาเลยบอกว่าจริงๆ คนเราทำอะไรก็ตามแต่พอเรารู้สึกว่าเริ่มชินแล้ว ง่ายแล้ว มันควรจะต้องล้างท่อสักที เอาใหม่ เริ่มต้นใหม่ พักสักแป๊บนึงแล้วค่อยกลับมาแล้วค่อยทำ ส่วนที่แฟนๆ ถามหา เอาตรงๆ นะ แทบไม่ได้ดูเลยว่ามีคนเขียนถึง แค่เราลงรูปไป จริงๆ เราก็ลงเล่นๆ ของเราอยู่แล้ว พอกลับมามีคนบอกก็เลยได้รู้ ก็ขอบคุณทุกคนมากๆ (ยกมือไหว้) ช่วงที่พักผ่อนไม่ได้ดูโซเชียลเลย

มันไม่ได้ฮีลใจ อย่างที่บอกว่าเราไม่ได้พักมานานมากแล้วช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาคือคดีมันเยอะแล้วมันก็เครียดตั้งแต่แม่ตั๊ก (กรกนก สุวรรณบุตร) มาเรื่อยๆ ก็ปวดหัวก็เลยรู้สึกว่าน่าจะไปพักบ้าง อย่างที่บอกว่าเราก็อยากไปล้างท่อให้กลับมาแล้วมันสดชื่นหน่อย หายไปมา 3 วัน ส่วนพรุ่งนี้จะทำงานเลยไหม มีคนมาบอกว่าพรุ่งนี้จะกลับมาทำงานไหม เอาตรงๆ นะกำลังคิดอยู่ (หัวเราะ) ก็อยากจะพักแต่ว่าก็เดี๋ยวขอตัดสินใจสักนิดนึงก่อน”

ไม่ดูโซเชียล ไม่ดูรายการ ไม่อยากกดดัน “ปุ้ย รสริน ประกอบธัญ” ที่มาทำหน้าที่แทน
“คือแทบไม่ได้ตามดูในโซเชียลแม้กระทั่งรายการตัวเองก็ไม่ได้ดู ไม่ได้ดูเลย เคยพักไปต่างประเทศก็จะมีการดูแล้วโทร.บอกต้องอย่างนี้ต้องทำแบบนี้ แต่อันนี้คือเป็นครั้งแรกที่จะไม่บอก ไม่พูดอะไรเลยก็ทำกันไปเลยก็รู้สึกว่าพอเราไปพูดปุ๊บจะไปกดดันทางปุ้ย รสริน เขาด้วยก็ปล่อยให้เขาทำเต็มที่ของเขาไป

ถามว่าจุดไหนที่เรารู้สึกว่าอันนี้มันต้องพักแล้ว จริงๆ อยากพักมาตั้งนานแล้วเพราะว่า คือเชื่ออย่างหนึ่งว่าถ้าวันนี้ไปถามคนที่ดูรายการโหนกระแสหรือคนที่ตามข่าว แค่ไม่ใช่คนทำข่าวก็ยังเครียดเลยมันเครียดไปหมด แล้วคนทำล่ะคนหาข้อมูลคนรับข้อมูลคือเรา มันก็หนักเพราะฉะนั้นก็รู้สึกว่าขอไปทำอะไรให้ตนเองบ้างดีกว่าอยากไปเที่ยวกับเพื่อนกับน้อง”

เผยเรื่องฟ้อง “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” รู้จักแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องสนิท ให้โอกาส 3 ครั้งพูดความจริง
คนใกล้ตัวคือใคร (ฟิล์ม รัฐภูมิ?) ใกล้ตัวผมตรงไหน คือจริงๆ ถามว่าเป็นคนใกล้ตัวไหม สำหรับเราเคยพูดไปแล้วว่ากับคุณฟิล์มเองเรารู้จักกันมานาน แต่คนรู้จักกันมานานไม่ได้หมายความว่าต้องสนิทกันนะมันก็มีระยะของมันอยู่ในการรู้จักกัน แต่ว่าวันนี้มันก็เป็นไปตามระบบที่มันเกิดขึ้น

คือในส่วนตัวของเราเองเรารู้สึกว่าครั้งนี้มันหนักเกินไปคือมันล้ำเส้นเกินไป คือที่ผ่านมาเคยเจอนะครับกรณีที่เอาชื่อไปแอบอ้างเอารายการไปแอบอ้าง แต่พอเป็นคนที่เรารู้จักเขาอยู่แล้วแล้วกลับเอาไปทำแบบนี้ มันก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีมากกว่าทุกคนเพราะอย่างคนอื่นเขาอาจจะมีปัจจัยของเขาอาจจะอะไรก็แล้วแต่ แต่เราไม่รู้จักเขาไง อันนี้มันคือคนที่เรารู้จักแต่กลับไปทำแบบนี้สำหรับตัวเราเองไม่โอเค

ส่วนเรื่องที่เหมือนให้โอกาสเขาพูดความจริง แต่เขาไม่พูด คือเราก็ไม่ได้บอกเขานะว่าเราให้โอกาส เพียงแต่ว่าเราพูดกับตัวเองเราแค่คิดในใจของเราเองว่าครั้งแรกที่โทร.ไปจำได้เลยวันนั้นถ่ายสามแซ่บเสร็จพอรู้เรื่องก็โทร.ไปครั้งแรกอยู่บนรถ ก็ถามว่า มันมีแบบนี้ๆ นะจริงหรือเปล่า เขาบอกว่าไม่จริง ครั้งที่ 2 โทร.ไปอีกเราบอกอันนี้มีคนมาบอกใช้คำว่า มีคนมาบอกว่าไปพูดแบบนี้นะคุณไปพูดแบบนี้ใช่ไหมมันไม่โอเคนะ เขาก็ยังเหมือนเดิม ไม่เคยพูด

จนสุดท้ายไหนๆ ก็พูดเลยแล้วกันเดี๋ยวเผื่อเขาจะได้ยอมรับกับเรา เราก็โทร.ไปครั้งที่ 3 ตอนทุ่มกว่าก็บอกเลยว่าเราได้ยินเสียงแล้วนะเพราะมีคนเปิดให้เราฟัง แต่เราไม่ได้บอกว่าเรามีอยู่ในมือแล้ว‘มันเป็นแบบนี้คุณพูดแบบนี้คุณเรียกอย่างนี้คุณเอาชื่อผมไปไปบอกแบบนี้ เขาก็บอกว่ามันน่าจะเป็นการตัดต่อ เราก็โอเคพอจบจำได้เลยพอวางสายเสร็จ ผมก็โทรหาบิ๊กเต่า บอกพี่เต่ามันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ผมไม่โอเค ผมจะแจ้งความดีไหม พี่เต่าก็บอกว่าถ้าเกิดคิดว่ามันปกป้องสิทธิของเราก็สมควร ผมก็เลยโทร.หาทนาย ให้ทนายจัดการเลย บอกว่าเดี๋ยวผมส่งคลิปไปให้นะ ฟังทั้งหมดและแกะเลย แล้วพรุ่งนี้ส่งใบแต่งตั้งทนายมา ผมก็เซ็นทุกอย่างแล้วก็ให้ทนายไปมอบที่กรมสอบสวนกลาง”

ไม่รับโทรศัพท์อีกฝ่ายเพราะเขินแทน
“พอวันนั้นเปิดคลิปไปเป็นวันอังคาร พอเย็นวันนั้นเขาก็ไปออกรายการของอ.ยิ่งศักดิ์ (ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์) หลังจากนั้นเขาก็โทร.กลับมาหาผม แต่ผมไม่ได้รับ เพราะผมไม่รู้จะต้องคุยอะไร เอาตรงๆ ที่ไม่รับก็ไม่ได้โกรธ ไม่ได้รู้สึกว่าไม่อยากคุย แต่คือเขินแทน อย่าใช้คำว่าอายเลย ใช้คำว่าเราเขินแทน เพราะรู้สึกว่าพอแบบนี้แล้วเขาจะพูดกับเรายังไง”

ไม่เสียความรู้สึก แต่ผิดหวัง ล้ำเส้นเกินไป
“ไม่ได้เสียความรู้สึก แต่ผิดหวัง ว่าคนที่เราคุยด้วย เจอกัน มาหาเรา แต่กลับเอาชื่อเราไปทำแบบนี้ ซึ่งมันไม่ดีเลย และลองคิดดูถ้าวันนั้นผมไม่ได้มีคลิปนี้มาอยู่ในมือก่อน แต่คลิปนี้ไปอยู่ในมือของคนที่ไม่ชอบผม หรือไปอยู่ในมือของคนที่เป็นคู่กรณีของผม และเขาตัดแค่สั้นๆ ออกมาปั่น คนที่ซวยคือผมเลยนะกลายเป็นว่าไอ้หนุ่มไปเรียกเงินเขา 20 ล้าน คุณทำแบบนี้ได้ยังไง มันล้ำเส้นเกินไป”

ไม่อยากฟังคำขอโทษ สิ่งที่ทำเป็นความเสื่อมทรามในสังคม ไม่ควรมีใครต้องโดนแบบนี้
“ไม่ต้องมาขอโทษดีกว่า (ยิ้ม) ไม่อยากฟังด้วย ไม่ใช่ไม่รับนะ แต่ไม่อยากฟัง (หัวเราะ) ไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้ เพราะทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการ สิ่งที่คุณทำมันเป็นความเสื่อมทรามในสังคม ไม่ควรจะมีใครโดนแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นที่เป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องการ ก็ไม่มีใครควรจะโดนแบบนี้กับการที่ไปเรียกเงินเขาแบบนั้น วันนี้ที่มีการฟ้องไปก็จะเป็นเรื่องของหมิ่นประมาทก่อน อันนี้ไปแจ้งความ แต่ในมุมของกฎหมายก็ปรึกษากันอยู่ว่าถ้ามุมไหนที่ไปถึงได้ก็เอาหมด”

ทำเพราะอยากให้เป็นมาตรฐานสังคม ไม่ใช่วัว ไม่ใช่ควาย จะแถทำไม
“รายการไม่เสียหายหรอกครับ ผมเชื่อว่าคนดูเขารู้ว่ารายการผมไม่ทำแบบนั้นหรอก เพราะเราก็เจอบ่อย เราเคยเอาคนไปจับคนที่ทำแบบนี้ด้วยซ้ำ แต่ที่เราต้องทำแบบนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับรายการเลยนะ แต่ที่ทำเพราะอยากให้มันมีมาตรฐานของสังคมว่ามันไม่ควรมีใครไปทำแบบนี้ และอย่างที่ผมเคยพูดไปแล้วว่าคุณเองก็ไม่ได้ลำบากยากแค้นถึงขนาดต้องทำแบบนี้ แล้วคุณไปทำแบบนี้เพื่ออะไร คุณเอาเปรียบคน คุณเป็นคนมีชื่อเสียง คุณจะมาบอกว่าเป็นงานพีอาร์ ที่ยืนอยู่ตรงนี้ทุกๆ คนฟังแล้วรู้สึกยังไง รู้สึกว่ามันเป็นงานพีอาร์ไหมล่ะ ถูกไหม เราไม่ได้กินหญ้า เราไม่ใช่วัว ไม่ใช่ควาย ฟังดูก็รู้ว่ามันคืออะไร จะแถทำไม

จริงๆ แล้ววันนั้นที่โทรไปครั้งแรก ฝากบอกไปเลย จริงๆ ก็เคยพูดไปแล้วก็ฝากบอกอีกครั้งว่าวันนั้นถ้าคุณพูดกับผมว่า พี่ครับผมยอมรับ ผมทำจริง ผมอาจจะถูกชักจูงไปแบบนี้ ผมจะทำยังไงดี มีทางออกยังไง วันรุ่งขึ้นคือวันอังคารผมจะไม่เปิดคลิปนี้เลยนะ แต่ผมจะให้ทนายไปแจ้งความไว้เฉยๆ แล้วผมจะบอกน้องเขาว่าคุณต้องออกมาพูดนะ อย่างน้อยคุณต้องแฟร์กับสังคมด้วย คุณต้องแฟร์กับตัวคุณเอง คุณต้องแฟร์กับครอบครัวคุณด้วย ควรจะมีความซื่อสัตย์กับตัวเอง คนเรามันพลาดได้ แต่ถ้าพลาดแล้วไม่ยอมรับนี่มันอีกเรื่องนึงนะ”

ฝากบอกทุกคน โหนกระแสไม่เรียกเก็บเงินแม้แต่สลึงเดียว ยกเว้นสปอนเซอร์
”มาตรการมันยากมากครับ มันไม่มีมาตรการ ก็แค่ฝากพี่ๆ น้องๆ สื่อนี่แหละครับว่ารายการโหนกระแสไม่มีการเรียกเก็บเงินแม้แต่สลึงเดียวนะครับ ยกเว้นคนที่มาเป็นสปอนเซอร์ เดี๋ยวสปอนเซอร์มาเห็นบอกไม่เก็บเงิน ไม่ใช่นะครับ สปอนเซอร์เก็บนะครับ (หัวเราะ) แต่ว่าคนที่มีเรื่องเดือดร้อนหรืออยากให้เราเป็นกระบอกเสียงให้ และเราเชิญมา ไม่มีการเก็บเงินแม้แต่สลึงเดียวแน่นอนก็ฝากกระจายข่าวนี้ด้วย เพราะมันไม่ได้มีแค่คนกลุ่มนี้กลุ่มเดียว ก็จะมีคนนั้นคนนี้มากมาย หรือแม้แต่ทนายบางท่านก็มีที่ไปพูดว่าเป็นทนายของรายการโหนกระแสนะ เรียกเงินเท่านั้นเท่านี้ ต้องบอกว่าไม่เกี่ยวกับโหนกระแสนะครับ แต่มันอาจจะเป็นสไตล์ของเขาที่เขาอาจจะพูดอะไรก็ได้ ก็เป็นเรื่องของเขาไป”

ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย มั่นใจเป็นคนที่ดีพอ ไม่มีใครเดินมาตบปาก
สัมภาษณ์ๆ อยู่มีเดินมาแล้วตบปากอย่างนี้เหรอ (หัวเราะ) ผมว่าผมเป็นคนที่ดีพอ คนที่สัมภาษณ์อยู่แล้วมีเดินมาตบปาก อันนี้ไม่ได้พูดถึงใครนะ เขาอาจจะมีสิ่งที่มันไม่ดีอยู่หรือเปล่า มันก็อาจจะโดนอย่างนี้ได้ สำหรับผมเวลาไปออกงานเขาก็จะมีคนมาคอยดูแลให้อยู่แล้ว”

ฟาดกลับทนายที่โดนตบปาก แซะอวดรวย แกว่งเท้าหาเสี้ยน ชี้คงเหงา สิทธิ์ของเขา แต่พิมพ์อะไรดูตัวเองก่อน กระจกไม่มี ก็เอากะลาตักน้ำแล้วมอง
”เขาไม่ได้เอ่ยชื่อผม แต่คนก็เข้าใจได้ว่าเป็นผม ก็ไม่เป็นไรครับ เขาคงเหงาแหละ ก็เป็นสิทธิของเขา อยากจะพิมพ์อะไรก็พิมพ์ไป แต่ก็อย่างที่บอกแหละครับว่าบางทีจะพิมพ์อะไรออกมาบางอย่าง อันนี้ไม่ได้พูดถึงทนายนะ ผมก็พูดถึงคนทั่วไปจะพิมพ์อะไรมาบางทีก็ต้องดูตัวเองก่อน กระจกก็มี ถ้ากระจกที่บ้านไม่มี ก็เอากะลาตักน้ำแล้วก็มอง (ยิ้ม) มันจะได้รู้ว่าคนเราจะไปวิพากษ์วิจารณ์ใครได้คุณก็ต้องดูตัวเองก่อนว่าคุณดีพอหรือยังก่อนที่จะไปด่าคนอื่นเขาเท่านั้นเอง ส่วนที่บอกเขากัดไม่ปล่อย เขาเป็นหมาเหรอถึงบอกว่าเขากัด (หัวเราะ) เขาเป็นคนนะ ไม่ใช่หมานะ อย่าไปบอกเขาเป็นหมานะ (หัวเราะ)”


ที่มา : MgrOnline