สั่งงดแล้ว! ห้ามสอนหูทิพย์-ตาทิพย์ สำนักสงฆ์ฯ อ้างญาติถวายศพเป็นอาจารย์ใหญ่

เผยแพร่ : 18 พ.ย. 2567 16:12:21
X
• พบการตั้งศพและทำกิจกรรมภายในสำนักสงฆ์
• เจ้าหน้าที่สั่งห้ามสอนเด็กเด็ดขาด
• หัวหน้าสำนักสงฆ์อ้างคลิปเก่า และยอมเลิกสอน แม้ระบุว่าการมีหูทิพย์-ตาทิพย์มีอยู่ทุกที่

กำแพงเพชร - นายอำเภอสลกบาตร สาธารณสุขฯ นายก อบต. พร้อมแอดมินเพจดังบุกตรวจสำนักสงฆ์สอนหูทิพย์-ตาทิพย์ ตั้งศพทำกิจกรรม เบื้องต้นสั่งห้ามสอนเด็กเด็ดขาดแล้ว ด้าน หน.สำนักฯ อ้างคลิปเก่า แต่บอกหู-ตาทิพย์มีทุกที่ แต่พร้อมเลิกสอน ส่วนร่างคนตายญาติยกให้เป็นอาจารย์ใหญ่


ความคืบหน้ากรณีที่พักสงฆ์ป่าสิริจันทร์ และที่พักสงฆ์ป่าสิริจันทร์ หมู่ 2 ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร มีการจัดกิจกรรมแปลกๆ อ้างว่าสามารถสอนหูทิพย์ตาทิพย์ให้กับเด็กๆ ได้ โดยผู้ที่สำเร็จวิชาตาทิพย์จะสามารถมองเห็นแม้ปิดตา และยังใช้ร่างคนตายมาประกอบกิจกรรม

ล่าสุดวันนี้ (18 พ.ย.) นายวรรธน์ ฉายอภิรักษ์ นายอำเภอขาณุวรลักษบุรี, นายพรเทพ พุ่มพวง นายก อบต.สลกบาตร พร้อมด้วยสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัดกำแพงเพชร, เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง, เจ้าคณะตำบล และแอดมินเพจ “กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่” ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าภายในสำนักมีพื้นที่จำนวน 95 ไร่ มีพระสงฆ์ 4 รูป แม่ชี จำนวน 4 คน ไม่พบเด็กๆ ที่อยู่ในคลิปแต่อย่างใด

นายอำเภอขาณุวรลักษบุรีให้ข้อมูลว่าจะทำการตรวจสอบทั้งสองประเด็น คือ เรื่องของการฝึกตาทิพย์ และเรื่องของการฝึกกรรมฐานเกี่ยวกับศพ ว่ามีความผิดหรือไม่ทั้งกฎหมายและวินัยสงฆ์ ซึ่งในกรณีที่มีการตายเกิดขึ้น ทางญาติจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ทราบเพื่อออกมรณบัตร ต้องแจ้งให้ทราบว่าจะจัดการศพอย่างไรถูกต้องหรือไม่ จะเผาหรือจะเก็บศพไว้ก่อน หากจะเผาหรือจะเก็บศพจะต้องแจ้งสำนักทะเบียนพื้นที่ เก็บศพไว้จำนวนกี่วัน ทางสาธารณสุขจะต้องมาดูว่าการเก็บศพเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนหรือไม่อย่างไร ขณะที่สำนักพุทธได้เข้าพูดคุยขอดูหลักฐานทั้งหมด ทั้งการขออนุญาตตั้งสำนักสงฆ์ และการนำศพหรือเด็กมาทำกิจกรรมว่าเป็นไปตามระเบียบถูกต้องหรือไม่

ด้าน พระปราโมธ สุจิรธรรมโม หัวหน้าสำนักสงฆ์ กล่าวว่า คลิปที่ปรากฏเป็นของเก่า ไม่เคยสอนเรื่องตาทิพย์ หูทิพย์ น่าจะเป็นพระรุ่นเก่าซึ่งอาตมาไม่ทราบเรื่องเนื่องจากเพิ่งมาจำพรรษาอยู่ที่นี่เพียง 2-3 ปีเท่านั้น ส่วนพระที่ปรากฏอยู่ในคลิป ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่วัดแล้ว ออกพรรษาแล้วสึกไปแล้ว

ส่วนกรณีร่างผู้เสียชีวิตก็จะมีญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรมถวายร่างให้ แล้วมีการทำหนังสือซึ่งได้รับอนุญาตจากญาติให้มาถวายร่างให้มาเป็นอาจารย์ใหญ่ 2 ปี ซึ่งจะมี 4 ปี หรือ 5 ปีก็มี เมื่อถึงกำหนด ญาติเขาจะรับศพกลับไป ที่เหลืออยู่ตอนนี้จะมีแต่โครงกระดูกเฉยๆ

ซึ่งตอนนี้ทางรองเจ้าคณะอำเภออนุญาตให้มีแค่โครงกระดูกได้ และนายอำเภอได้อนุญาตให้มีเพียงโลงทองตั้งอยู่ได้ จะได้ทำให้เกิดความกลัว เป็นการฝึกจิต และทางรองเจ้าคณะอำเภอได้ร้องขอให้ฝึกเฉพาะผู้ใหญ่กับแม่ชีและพระ ซึ่งทางเราจะงดของเด็กไป งดสอนตาทิพย์ซึ่งเรื่องนี้มีอยู่ทุกที่ เมื่อทางนี้ไม่ให้สอนก็จะงดไป ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นฌานขั้นแรก

ส่วนเรื่องที่เป็นความจริงหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่จิต ถ้าเป็นเด็กจิตที่สะอาดอาจจะได้ผล ส่วนผู้ใหญ่ผ่านอะไรมาเยอะในชีวิต จิตไม่ใสเหมือนของเด็ก ดังนั้นในเมื่อทางผู้ใหญ่ขอร้องเราให้หยุดเราก็ต้องหยุด

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ให้ทางวัดเปลี่ยนวิธีการสอน โดยให้สอนกับพระและแม่ชี ประชาชนที่เป็นผู้ใหญ่เท่านั้น ไม่ให้สอนเด็กและเยาวชน และให้ยุติการสอนตาทิพย์หูทิพย์เด็ดขาด และต้องขออนุญาตสร้างสำนักสงฆ์ให้ถูกต้องตามระเบียบ สำนักพุทธ ส่วนเรื่องการที่นำศพมาไว้ที่สำนักสงฆ์ ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร และ พ.ร.บ.สุสานและฌาปนสถาน ให้ถูกต้อง

ขณะเดียวกัน นางรำพัน วงเวียน ลูกศิษย์ที่มาปฏิบัติธรรมได้พาทีมข่าวไปดูสถานที่ที่ได้นำโลงศพมาตั้งไว้ให้ผู้คนเข้าไปปฏิบัติธรรม พร้อมเล่าให้ฟังว่าตนเองก็ปฏิบัติ เชื่อในเรื่องการทำอสุภะ แต่ไม่เชื่อในเรื่องหูทิพย์ตาทิพย์


ที่มา : MgrOnline