“ป้อม ภาวุธ” โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึง “รัฐบาล” ดึงยักษ์ไอทีลงทุนในไทย ศึกษาดีแค่ไหน อย่าดีใจแบบฉาบฉวย เราแทบไม่ได้อะไร
เผยแพร่ : 16 พ.ย. 2567 16:34:32
• ชี้ประเทศไทยขาดดุลด้านดิจิทัลมานานหลายปี
• แนะให้ศึกษาธุรกิจของบริษัทต่างชาติอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
“ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ผู้คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ โพสต์ข้อความฝากไปถึงรัฐบาล ดึงยักษ์ใหญ่ด้านไอทีมาลงทุนในไทย ศึกษามาดีแค่ไหน ชี้ดาต้าเซนเตอร์เม็ดเงินเยอะก็จริงแต่เกินครึ่งไหลออกนอกประเทศ เผยไทยขาดดุลดิจิทัลมานานหลายปี แนะศึกษาธุรกิจต่างชาติให้ดีเพื่อจะได้เติบโตไปพร้อมกัน
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. “ป้อม ภาวุธ” ผู้คร่ำหวอดในแวดวงธุรกิจดิจิทัล อีคอมเมิร์ซ และผู้ก่อตั้ง “ตลาดดอตคอม” เว็บไซต์ขายของออนไลน์เว็บแรก ๆ ของไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลไทย ในประเด็นการดึงบริษัทต่างชาติประเภทธุรกิจ DATA CENTER มาลงทุนในประเทศไทยสุดท้ายแล้วประเทศเราจะได้ประโยชน์แค่ไหน โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
“จดหมายเปิดผนึกถึงท่านนายกและทีมงาน ..
ผมไม่แน่ใจว่าการที่บริษัทต่างชาติ ยกขโยกมาลงทุนในประเทศไทย ทั้ง Data Center หรือ บริการอื่นๆ ทางรัฐได้ศึกษารายละเอียด รวมไปถึงผลประโยชน์ที่จะเข้าประเทศไทยจริงๆ มีมากแค่ไหน?
ธุรกิจของ Data Center ใช้เงินเยอะ แต่เงินส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในด้าน Infrastructure งานระบบ และซื้อ Server ซึ่งเงินส่วนใหญ่เกินครึ่ง จะออกไปบริษัทเทคโนโลยีต่างประเทศ และธุรกิจ Data Center เป็นธุรกิจที่ใช้คนน้อยมาก.. เพราะระบบส่วนใหญ่ ดูแลจากคนต่างประเทศ
รวมไปถึงธุรกิจ Digital อื่นๆ ที่วันนี้เข้ามาลงทุนในไทย แต่พอถึงเวลาเก็บเงิน ก็ดึงเงินไทยออกไปจ่ายนอกประเทศ เลยต้องถามดังๆ ว่า เงินที่จะเข้าที่ประเทศไทยกี่เปอร์เซนต์ Google, Meta (Facebook), TikTok และบริษัทอื่นๆ ส่วนใหญ่ ให้คนไทยจ่ายค่าบริการผ่านบัตรเครดิตออกไปประเทศอื่น
ยกตัวอย่างเช่น DAAT แจ้งว่าบรรดาบริษัทเอเจนซีไทยจ่ายเงินให้กับ Facebook (Meta) ปีนึง 8 พันกว่าล้านบาท .. แต่พอไปดูรายได้ของ Facebook ประเทศไทย แค่ 463 ล้านบาทเท่านั้น คำถามคือ 7 พันกว่าล้านบาท หายไปไหน?
กรมสรรพกรได้ออกกฏหมาย VES เก็บภาษีบริษัทต่างชาติที่มาเก็บเงินคนไทย มา 3 ปีกว่า โดยปัจจุบัน (15 Nov 2024) มีบริษัทต่างชาติมาขึ้นทะเบียนกับสรรพกร 202 บริษัท และน่าจะมีคนไทยจ่ายเงินออกไปนอกประเทศผ่าน VES มากกว่า แสนล้านบาทแล้ว ในปีนี้ (จากการคาดการณ์ของผม) และ….
”ผมประมาณการณ์ว่าคนไทยน่าจะจ่ายเงินผ่านออนไลน์ออกไปบริษัทต่างประเทศปีนึง 2 แสนล้านบาท“
ผมต่อสู้และผลักดันเรื่อง “การขาดดุลดิจิทัล” มาหลายปีล่ะ เห็นเรื่องนี้มานาน.. อยากให้รัฐไทยเริ่มหันมมามองเรื่องนี้จริงๆ จังๆ
ดังนั้นการที่รัฐไปคุยกับบริษัทต่างชาติแล้วดีใจกับการที่เค้าเข้ามาลงทุนในไทย เราดีใจแบบฉาบฉวยไปหรือเปล่า?
ซึ่งจริงๆ แล้วเราควรศึกษาธุรกิจของเค้าให้ดี และทำข้อเสนอประมาณนี้
- เสนอให้เค้านำรายได้ที่ได้ บันทึกลงในประเทศไทย
- เพิ่มศักยภาพสำนักงานในปรเะทศไทยและจ้างคนไทยมากขึ้น
- ทำ Technology Transfer ดันให้คนไทยเก่งมากขึ้นในเทคโนโลยีระดับสูง
- ใช้ไทยเป็นฐานในการพัฒนาบริการ ออกไปยังประเทศอื่นๆ
- สร้างระบบนิเวศในระยะยาว เพื่อเติบโตไปร่วมกัน
พวกนี้น่าจะเป็นสิ่งที่รัฐควรเสนอ และต่อรองกับบริษัทเหล่านี้ มากว่าแค่ดีใจกับการที่เค้าเอาตัวเลขเงินลงทุนมาลงทุนในไทย แต่สุดท้ายประเทศไทยได้ประโยชน์น้อยมาก จากการลงทุนเหล่านั้น
อยากนำเสนอเรื่องนี้ถึงคนที่มีอำนาจที่สามารถผลักดันเรื่องนี้ได้จริงๆ เพื่อที่เราจะได้วางแผน ปรับการทำงานของประเทศเพื่อรองรับกับการเติบโตด้านดิจิทัล แบบจริงๆ ไม่ใช่เติบโตแบบฉาบฉวย แบบที่เราแทบไม่ได้อะไร“
ที่มา : MgrOnline