ใต้เงาจีน ภาค 2 (14) เลือดลมไหลเวียนที่ต้าหลี่
เผยแพร่ : 16 พ.ย. 2567 07:43:26
• เจ้าหน้าที่ที่ร่วมเดินทางคือ คุณหวัง
• ผู้เขียนและคุณหวังได้พบกันหลายครั้งหลังจากนั้นและกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
ในความเป็นไป
วรศักดิ์ มหัทธโนบล
วันรุ่งขึ้นรถของ ตม.คุนหมิงก็มารับเราที่โรงแรม คราวนี้ จนท.ที่ไปกับเราคือ คุณหวัง ที่นับแต่นี้ไปอีกหลายปี ผมกับคุณหวังจะต้องพบกันอีกหลายครั้ง จนเป็นหนึ่งในชาวจีนไม่กี่คนที่เราได้คบหาเป็นเพื่อนกันมาจนทุกวันนี้
คุณหวังจบเอกภาษาอังกฤษระดับปริญญาตรี พอจบก็สอบได้เป็นข้าราชการของ ตม. คุณหวังเข้ามาในจังหวะที่การปฏิรูปจีนกำลังเป็นไปอย่างเข้มข้น ความต้องการคนรู้ภาษาต่างประเทศของจีนในช่วงนั้นเป็นสิ่งจำเป็น บุคลากรอย่างคุณหวังจึงค่อนข้างมีความสำคัญในขณะนั้น
แต่กับพวกเราแล้ว คุณหวังดีใจมากที่ได้รู้จักพวกเราเป็นคนต่างชาติรายแรกที่เขามีปฏิสัมพันธ์ด้วย เขาก็เหมือนกับชาวจีนหลายคนที่ผมเคยพบก่อนหน้านี้ที่บอกว่า เราเป็นชาวต่างชาติรายแรกที่เขาได้เจอ ซึ่งสำหรับคนที่จบเอกภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างชาติอื่นจะยินดีมาก เพราะถือเป็นโอกาสที่จะได้ฝึกปรือภาษาที่ตนร่ำเรียนกับคนต่างชาติไปด้วย
และด้วยเหตุที่คุณหวังจบเอกภาษาอังกฤษ คุณหวังจึงรู้ธรรมเนียมปฏิบัติในวัฒนธรรมตะวันตกค่อนข้างดี และในเมื่อพวกเราเป็นชาวต่างชาติรายแรกของคุณหวัง พวกเราจึงไม่ต่างกับห้องปฏิบัติการให้คุณหวังได้สัมผัสธรรมเนียมปฏิบัติไปด้วย คือเหมือนได้เข้าสู่ภาคปฏิบัติจริง ไม่ใช่ภาคทฤษฎีที่เรียนกันในห้องเรียนอีกต่อไป
สำหรับคนที่เรียนภาษาต่างประเทศแล้วถือเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง
ถ้าจำกันได้ ผมเคยเล่าเรื่องนี้ในงานเขียนชุด ใต้เงาจีน ภาคก่อนไปแล้วว่า จีนนั้นดีอย่างคือ การส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ที่จบภาษาต่างประเทศได้มีโอกาสฝึกปรือภาษากับชาวต่างชาติอย่างจริงจัง ถึงแม้เจ้าหน้าที่คนนั้นเพิ่งจบมาใหม่หมาด ไม่เคยออกงานจริงมาก่อนก็ตาม และพอมาสัมผัสกับชาวต่างชาติจริงก็แปลตะกุตะกักผิดๆ ถูกๆ
แต่นั่นเป็นสิ่งจำเป็น ชั่วอยู่แต่ว่าชาวต่างชาติจะต้องเข้าใจและมีทัศนคติที่ดี พึงให้กำลังใจ ไม่ใช่ไปแสดงความไม่พอใจ ดูถูกเหยียดหยาม หรือหัวเราะตลกขบขันเวลาที่เขาแปลผิด เหมือนกับที่ผมเคยประสบพบเจอกับคนไทยบางคนที่มีทัศนคติที่ไม่ดีเช่นนั้น และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างชาติอื่นๆ ของคนไทยด้อยกว่าคนอีกหลายชาติ ผมซึ่งเคยเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นจึงไม่ชอบ และไม่เคยทำเช่นนั้นกับใครเลย อีกทั้งยังรังเกียจคนที่มีทัศนคติแย่ๆ อย่างนั้นเอามากๆ
กับคุณหวังแล้วต้องจัดว่าภาษาอังกฤษของเขาดีมาก ส่วนเขาก็ใช้ภาษาที่ร่ำเรียนมาอย่างเต็มที่ด้วยการชวนพวกเราคุยเรื่องราวต่างๆ ในเมืองไทย ครั้นรถวิ่งผ่านที่ใดที่เขาเห็นว่าควรบอกเล่าให้เราฟังเขาก็จะบรรยายให้เราได้ความรู้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่คุณหวังใส่ใจมากก็คือ เขารู้ว่าเราสองคนเพิ่งเจออุบัติเหตุมา เขาจึงกำชับคนขับรถอยู่เป็นระยะว่าให้ขับอย่างระมัดระวัง
คนขับรถเป็นคนสูงวัยใกล้เกษียณเต็มทีแล้วและขับรถดีมาก เราเรียกท่านว่า เหล่ากัง จะแปลว่าท่านพี่กังหรือผู้เฒ่ากังก็ได้ (อย่างหลังน่าจะเหมาะกว่า) แต่พอขับออกนอกเมืองได้ไม่นานก็ให้ปรากฏว่ารถยางแบน พวกเราจึงต้องลงจากรถให้เหล่ากังเปลี่ยนยางใหม่ ซึ่งเหล่ากังก็เปลี่ยนด้วยความชำนาญในระดับมืออาชีพ
ตอนที่รถยางแบนนั้น ผมซึ่งเพิ่งเจออุบัติเหตุมารู้สึกใจคอไม่ค่อยดี ถึงตรงนี้ผมก็ต้องบอกกล่าวด้วยว่า ในปีนั้น (1991/2534) เป็นปีที่แย่สำหรับผมอยู่ไม่น้อย เพราะเมื่อตอนต้นปีรถที่ผมนั่งไปเจอกับอุบัติเหตุจนพลิกคว่ำที่ต่างจังหวัด ตอนที่รถกลิ้งลงจากถนนลงสู่ท้องนาที่ต่ำกว่านั้น ผมบอกกับตัวเองว่าเราจะตายแบบนี้หรือ แต่ผมก็บาดเจ็บเล็กน้อย
พอมาเจออุบัติเหตุที่สิบสองปันนาตอนปลายปีเดียวกันอีกก็เลยเข็ดขยาดจนฝังใจ เพราะเป็นการเจออุบัติเหตุแบบหัวปีท้ายปี จนทำให้กลัวการนั่งรถมาจนทุกวันนี้ โดยเฉพาะเมื่อเจอคนขับรถด้วยกิริยาที่ต่ำทรามไร้มารยาท
แต่ระหว่างที่รอเหล่ากังเปลี่ยนยางอยู่นั้น ผมซึ่งอยู่นอกรถรู้สึกดีกับอากาศข้างนอกมาก จนต้องบอกกับตัวเองอีกครั้งหนึ่งว่า คุนหมิงนั้นเหมาะกับที่มีฉายาว่า เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิจริงๆ เป็นอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์จนสัมผัสได้ ผมจึงไม่รอช้าที่จะสูดอากาศที่แสนสะอาดนี้ไปอย่างเต็มปอด
เมื่อเปลี่ยนยางเสร็จเราก็ขึ้นรถเดินทางต่อ คุณหวังบอกเราว่า จากนี้ไปรถจะใช้เวลาแปดชั่วโมงจึงจะถึง ต้าหลี่ ที่ใช้เวลานานเพราะถนนไม่สู้จะดีนัก และว่า รัฐบาลมีโครงการที่จะพัฒนาถนนสายนี้ให้ได้มาตรฐานเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเร็วๆ นี้
ส่วนผมฟังแล้วก็รับทราบด้วยใจคอที่ไม่สู้จะดี เพราะพอออกนอกเมืองไปแล้ว รถก็เข้าสู่เส้นทางที่จะไปต้าหลี่ก็ทำให้ผมเข้าใจสิ่งที่คุณหวังพูดทันที ที่ว่าถนนไม่สู้ดีนั้นมันไม่ดีอย่างไร
กล่าวคือ ถนนที่แม้ไม่ถึงกับขรุขระก็จริง แต่ก็ไม่ได้ราบเรียบเสียเลยทีเดียว อีกทั้งยังขึ้นลงภูเขาหลายลูกอยู่เป็นระยะ ทำให้ถนนที่มีอยู่สองเลนต้องขับเลียบหน้าผาสูงในบางช่วง ส่วนผมซึ่งขยาดกับการนั่งรถก็จริง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองลงไปข้างล่างเพื่อดูว่ามันสูงแค่ไหน ดูแล้วก็ท่องธัมโมสังโฆเตรียมตัวเตรียมใจ ว่าอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเถิด
เวลาแปดชั่วโมงในตอนนั้นจึงเป็นอะไรที่ทรมานมากสำหรับผม แล้วเราก็มาถึงต้าหลี่เอาในเย็นวันนั้น และเนื่องจากเย็นมากแล้วเราจึงได้พบกับเจ้าหน้าที่ ตม.ประจำต้าหลี่ที่มารอต้อนรับอยู่ก่อนแล้วก็พากันไปรับประทานมื้อเย็นกันที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง ระหว่างนั้นก็ได้ทราบว่า พรุ่งนี้เจ้าหน้าที่ทางนี้จะพาไปรับประทานอาหารพื้นเมืองของต้าหลี่
หลังจากคุยกันคุ้นเคยกันบ้างแล้ว เจ้าหน้าที่ ตม.ของที่นี้ก็เชิญเราดื่มสุราพื้นเมืองของต้าหลี่ด้วยการ “กันเปย” สุรานี้ถูกรินในจอกเล็กๆ ที่ดื่มจิบเดียวก็หมดจอก ปรากฏว่า แอลกอฮอล์สูงมาก พลันที่ไหลผ่านลำคอลงไปก็ให้รู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัว จากนั้นผมจึงรู้ว่า แอลกอฮอล์สูงเกือบ 60 ดีกรี
เวลากว่าสองชั่วโมงของอาหารมื้อนั้นผมดื่มไป 13 จอก แต่ด้วยอากาศที่หนาวต่ำกว่าสิบองศาจึงไม่รู้สึกเมา เพียงแต่รู้สึกตึงๆ ที่ใบหน้าเท่านั้น หลังอาหารมื้อนั้น ทางเจ้าหน้าที่ ตม.ต้าหลี่บอกกับเราสองคนว่า เมื่อกลับถึงที่พักแล้วให้นอนแช่น้ำอุ่น แล้วอาการบาดเจ็บที่ยังเหลืออยู่กลางหลังจะดีขึ้น
พอกลับถึงห้องพักผมก็ไม่รอช้า รีบเปิดน้ำอุ่นลงอ่างทันที น้ำที่ไหลแรงทำให้ไม่ต้องรอนานน้ำก็เกือบเต็ม พอปิดก๊อกน้ำผมจึงค่อยๆ หย่อนเท้าลงอ่างอย่างช้าๆ จากนั้นก็หย่อนตัวลงไปนั่งทั้งตัว ความร้อนทำให้เลือดในตัวค่อยๆ ไหลเวียนไปทั่วร่าง
ตอนที่ผมลงไปแช่ทั้งตัวแล้วนั้น ผมรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปถึงกลางหลัง ตอนนั้นเองผมก็รู้สึกว่าได้เกิดการต่อสู้กันระหว่างอาการบาดเจ็บที่กลางหลังกับความร้อนของน้ำ การต่อสู้นี้ทำให้เกิดอาการมันสะใจเหมือนกับตอนที่หมอนวดตาบอดกำลังนวดอย่างไรอย่างนั้น
และด้วยความรู้สึกที่ว่า ผมจึงไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เพราะสมาธิของผมกำลังเพ่งอยู่ที่อาการดังกล่าว ซึ่งในอีกกว่าสิบปีต่อมา อาจารย์อาวุโสชาวจีนท่านหนึ่งที่สันทัดในเรื่องการนวดได้บอกกับผมว่า จีนที่คติเกี่ยวกับสุขภาพว่า ถ้าเลือดลมไหลเวียนดีก็จะไม่เจ็บไม่ไข้ แต่ถ้าได้เจ็บได้ไข้ก็แสดงว่าเลือดลมไหลเวียนไม่ดี
อาการของผมในขณะนั้นเป็นแบบนั้นจริงๆ ถ้าการนวดของหมอนวดตาบอดทำให้ผมหายเป็นปลิดทิ้งฉันใด การแช่น้ำร้อนในคืนนั้นก็ทำให้ผมหายเป็นปลิดทิ้งฉันนั้น ความรู้สึกโล่งสบายผสมกับฤทธิ์สุราที่ยังหลงเหลือจากการแช่น้ำร้อนทำให้ผมหลับนานกว่าแปดชั่วโมง
วันรุ่งขึ้นก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเหมือนได้เกิดใหม่ในอีกดินแดนหนึ่งที่มีชื่อว่า ต้าหลี่
ที่มา : MgrOnline