แฮร์ริสให้สัมภาษณ์ดุเดือดกับฟ็อกซ์นิวส์ ถูกแซะเรื่องผู้อพยพ-สานต่อรัฐบาลไบเดน

เผยแพร่ : 17 ต.ค. 2567 23:18:36
X
• รองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส ยืนยันว่า รัฐบาลของตนไม่ได้เป็นการต่ออายุการเป็นประธานาธิบดีของโจ ไบเดน ในการสัมภาษณ์กับ ฟ็อกซ์ นิวส์
• แฮร์ริสเผชิญหน้ากับการถามคำถาม ดุเดือด จากพิธีกร ฟ็อกซ์ นิวส์ ซึ่งเป็นสถานีข่าวที่สนับสนุน โดนัลด์ ทรัมป์
• การสัมภาษณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ พรรคเดโมแครต กำลังเผชิญกับ ความกดดัน ในการเลือกตั้งกลางเทอม

เอเอฟพี - แฮร์ริสยันคณะบริหารของตนไม่ใช่การสานต่อการเป็นประธานาธิบดีของไบเดน หลังถูกกดดันหนักระหว่างการสัมภาษณ์ดุเดือดกับฟ็อกซ์ นิวส์ ซึ่งเป็นสถานีข่าวปีกขวาที่เชียร์ทรัมป์สุดลิ่ม

รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ปะทะฝีปากกับเบร็ต เบเออร์ ผู้ดำเนินรายการ ในประเด็นร้อนมากมายที่รวมถึงการลักลอบเข้าเมืองและการผ่าตัดแปลงเพศ โดยแฮร์ริสต้องท้วงหลายครั้งให้พิธีกรสายอนุรักษนิยมเลิกพูดแทรก

ช่วงเวลาสำคัญระหว่างการสัมภาษณ์นานครึ่งชั่วโมงเมื่อวันพุธ (16 ต.ค.) คือตอนที่แฮร์ริสถูกกดดันเรื่องที่เธอแสดงความคิดเห็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า คิดไม่ออกว่าจะทำอะไรที่ต่างไปจากช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมาในคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

แฮร์ริส วัย 59 ปี ตอบว่า การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเธอไม่ใช่การสานต่อการเป็นประธานาธิบดีของไบเดน แต่เธอจะเพิ่มแนวคิดใหม่ๆ ในฐานะตัวแทนผู้นำรุ่นใหม่ นอกจากนี้ เมื่อวันอังคาร (15 ต.ค.) ไบเดนประกาศว่า แฮร์ริสจะกำหนดเส้นทางของตนเองในฐานะประธานาธิบดี

นอกจากนั้น แฮร์ริสยังเปิดฉากโจมตีอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันวัย 78 ปี ที่ขู่ใช้กองทัพจัดการคนอเมริกันที่ต่อต้านตนเอง โดยระบุว่า ทรัมป์เป็นคนเดียวที่มีแนวโน้มด้อยค่าและดูแคลนคนอเมริกัน และเป็นคนเดียวที่พูดถึง “ศัตรูในประเทศ”

ทีมหาเสียงของทรัมป์ออกมาวิจารณ์ทันควันว่า การสัมภาษณ์ของแฮร์ริส “พัง” โดยทาง แคโรลีน ลีวิตต์ โฆษกของทรัมป์ แถลงว่า แฮร์ริสโกรธ แก้ตัว ละเลยหน้าที่และความรับผิดชอบในการแก้ปัญหาที่คนอเมริกันกำลังเผชิญอยู่

ทั้งนี้ การให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์ครั้งแรกของแฮร์ริสเป็นเดิมพันสำคัญ ขณะที่เธอกำลังพยายามผ่าทางตันในศึกชิงทำเนียบขาวที่คะแนนยังคงสูสีกับทรัมป์ขณะที่เหลือเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์

แฮร์ริสยังถูกขอให้ตอบโต้โฆษณาของทีมหาเสียงของทรัมป์ และคลิปที่ทรัมป์ปกป้องการแสดงความคิดเห็นของตนเองเรื่องกองทัพ โดยเธอตอบกลับว่า ทรัมป์ควรเป็นคนตอบคำถามเหล่านี้เอง

หนึ่งในช่วงเวลาที่ดุเดือดที่สุดคือตอนที่เบเออร์กดดันแฮร์ริสเรื่องจำนวนผู้ลักลอบเข้าเมืองสูงสุดทำสถิติ ซึ่งเป็นพวกที่ข้ามมาจากฝั่งเม็กซิโกในยุคไบเดน อย่างไรก็ดี ตัวเลขนี้ลดลงอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

แฮร์ริสตอบว่า คณะบริหารของไบเดนเสนอกฎหมายควบคุมจุดผ่านแดนอย่างเข้มงวด แต่ทรัมป์กลับสั่งให้สมาชิกรีพับลิกันในสภาคว่ำร่างกฎหมายดังกล่าว

นอกจากนั้น แฮร์ริสยังถูกซักถามเรื่องการผ่าตัดแปลงเพศสำหรับนักโทษหรือคนต่างด้าวนอกกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นโจมตีที่ปรากฏอยู่ในโฆษณาทีวีหลายชุดของทีมหาเสียงทรัมป์เมื่อเร็วๆ นี้

เกี่ยวกับประเด็นนี้ แฮร์ริสยืนยันว่า จะปฏิบัติตามกฎหมาย และสำทับว่า ทรัมป์ก็ปฏิบัติตามกฎหมายนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นการพาดพิงรายงานของนิวยอร์ก ไทมส์เมื่อวันพุธที่ระบุว่า ในยุคของทรัมป์ เรือนจำให้การดูแลเพื่อยืนยันเพศสภาพแก่นักโทษ

ต่อคำถามว่า เธอสังเกตเห็นครั้งแรกเมื่อไหร่ว่า ความเฉียบคมด้านสติปัญญาของไบเดนเสื่อมถอยลงก่อนที่จะถอนตัวจากการเลือกตั้ง แฮร์ริสวกกลับไปที่ทรัมป์อีกครั้งโดยเตือนพิธีกรว่า ไบเดนไม่ได้ลงเลือกตั้งแล้ว แต่เป็นทรัมป์ต่างหาก

ฟ็อกซ์ นิวส์มีบทบาทสำคัญในการส่งให้ทรัมป์โดดเด่นบนเส้นทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทรัมป์กล่าวหาเบเออร์ว่า “อ่อนเกินไป”

นอกจากนั้น ทรัมป์ยังให้สัมภาษณ์ในฟ็อกซ์ นิวส์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการบันทึกล่วงหน้าในบรรยากาศการแสดงวิสัยทัศน์แบบทาวน์ฮอลล์ในรัฐจอร์เจียซึ่งเป็นรัฐสมรภูมิ โดยที่ผู้ชมทั้งหมดเป็นผู้หญิง และประเด็นพูดคุยคือการทำเด็กหลอดแก้ว (ไอวีเอฟ) ที่เดโมแครตโจมตีว่า กำลังถูกคุกคามจากนโยบายของทรัมป์ อย่างไรก็ดี ทรัมป์ได้รับเสียงเชียร์กึกก้องหลังจากประกาศว่า ตนเป็นผู้สนับสนุนไอวีเอฟตัวพ่อ

ด้านแฮร์ริสที่พยายามปกป้องสิทธิในการทำแท้งซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นหลักในการหาเสียง วิจารณ์ว่า การประกาศของทรัมป์ “พิลึก”

ที่มา : MgrOnline