“พาณิชย์” เผยเทรนด์ Digital Nomad โตแรง ชี้หลายธุรกิจบริการไทยมีโอกาสทำเงิน
เผยแพร่ : 21 ก.พ. 2568 10:35:18
• Digital Nomad คือกลุ่มคนที่ทำงานออนไลน์จากทุกที่ทั่วโลก
• มีไลฟ์สไตล์ชอบเดินทางและใช้ชีวิตในสถานที่ต่างๆ
• แนวโน้มการเติบโตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

สนค.เผยเทรนด์ Digital Nomad หรือบุคคลที่ใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตทำงานผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้บนโลก และมีไลฟ์สไตล์ชอบการเดินทางและใช้ชีวิตในที่ต่างๆ ทั่วโลก มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ชี้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการธุรกิจบริการของไทย ทั้งที่พัก ร้านอาหาร เช่ารถ กลุ่มทัวร์ อินเทอร์เน็ต ค้าปลีก บันเทิง การแพทย์ ที่จะทำเงินจากคนกลุ่มนี้
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) และโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เทรนด์ Digital Nomad หรือบุคคลที่ใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตทำงานผ่านช่องทางออนไลน์ สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้บนโลก เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์รองรับ ตลอดจนมีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบการเดินทางและใช้ชีวิตในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก กำลังได้รับความนิยมและเติบโต และพบว่าประเทศไทยจะได้อานิสงส์ในการสร้างรายได้จากธุรกิจบริการหลากหลายสาขา เพื่อตอบรับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้
ทั้งนี้ ในปี 2566 ที่ผ่านมามีจำนวน Digital Nomad ทั่วโลกประมาณ 40 ล้านคน และคาดว่าจะเติบโตเป็น 60 ล้านคน ในปี 2573 ซึ่ง Digital Nomad ที่เดินทางมาประเทศไทยในปี 2567 คาดว่ามีจำนวนประมาณ 1.75 ล้านคน โดย Digital Nomad ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านไอที การตลาด หรือ E-Commerce และเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว จึงมีส่วนช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของไทย และกลุ่ม Digital Nomad ยังมีลักษณะพิเศษกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป ตรงที่มีระยะเวลาพำนักในไทยเฉลี่ยสูงกว่า 6 เดือน ส่งผลให้มีการใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวโดยทั่วไปที่ร้อยละ 56 อีกทั้งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้มีฤดูกาลท่องเที่ยวที่ชัดเจนแบบนักท่องเที่ยวทั่วไป กล่าวคือ สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพบว่า กลุ่ม Digital Nomad ในไทยมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 65,034 บาทต่อคน แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร การเดินทาง และกิจกรรม 33,310 บาทต่อคน และค่าใช้จ่ายสำหรับที่พัก 31,724 บาทต่อคน และกลุ่ม Digital Nomad ยังนิยมเลือกใช้สถานที่ในการทำงานที่ยืดหยุ่น หรือใช้บริการพื้นที่ทำงานร่วมกัน หรือ Co-working Space
นายพูนพงษ์กล่าวว่า ภาคบริการไทยที่จะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากกลุ่ม Digital Nomad จากรายงานของศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ได้แก่ 1. ธุรกิจที่พักแรม และร้านอาหาร โดยค่าใช้จ่ายด้านที่พักและอาหารมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 90 ของค่าใช้จ่ายโดยรวมของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Digital Nomad เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันระยะยาว ซึ่งครอบคลุมธุรกิจหลายด้าน เช่น ธุรกิจที่พักรายเดือน ร้านอาหาร คาเฟ่ และ Co-working Space 2. ธุรกิจบริการเช่ารถจักรยานยนต์ เนื่องจากเป็นหนึ่งในวิธีการเดินทางหลักที่กลุ่ม Digital Nomad เลือกใช้ 3. ธุรกิจเกี่ยวกับการสร้างการรวมกลุ่ม เช่น การจัดกลุ่มทัวร์ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ดำน้ำ มวยไทย ซึ่งเป็นที่นิยมของกลุ่ม Digital Nomad ที่มักจะเดินทางตามลำพัง และต้องการเข้าสังคมกับ Digital Nomad คนอื่น และ 4. ธุรกิจโทรคมนาคม เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในการทำงาน และยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสถานบันเทิง และธุรกิจการแพทย์
“ไทยมีภาคการท่องเที่ยวที่โดดเด่น ปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามารวม 35.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26.27% และสร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% และยังมีศักยภาพในธุรกิจบริการ ที่ดึงดูดกลุ่ม Digital Nomad มีโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่ง และมีมาตรการดึงดูดการท่องเที่ยว และค่าครองชีพที่ได้เปรียบ ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Digital Nomad ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ จึงได้ดำเนินการเพิ่มศักยภาพและพัฒนาทักษะทางธุรกิจของผู้ประกอบการของไทย เพื่อตอบโจทย์การเข้ามาพำนักระยะยาวของกลุ่ม Digital Nomad” นายพูนพงษ์กล่าว
สำหรับการดำเนินการที่ผ่านมา เช่น กรมทรัพย์สินทางปัญญา และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สนับสนุนการจัดแสดงผลงานของผู้ประกอบการด้าน Soft Power และกิจกรรมส่งเสริมทรัพย์สินทางปัญญาและภูมิปัญญาที่สะท้อนเอกลักษณ์และเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าไทยในสายตาชาวโลก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพิ่มโอกาสการเข้าถึงองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และการตลาด โดยมีโครงการ DBD Academy ซึ่งเป็นช่องทางการเรียนรู้ทางออนไลน์ (e-Learning) ที่มีหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ให้บริการกลุ่ม Digital Nomad เช่น หลักสูตรการตลาดยุคดิจิทัล หลักสูตรการบริหารจัดการธุรกิจโฮมสเตย์ หลักสูตรเส้นทางสู่ความสำเร็จธุรกิจร้านอาหาร และโครงการพัฒนาค้าปลีกชุมชนด้วยเทคโนโลยี โดยร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อช่วยผู้ประกอบการชุมชนในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจค้าปลีกชุมชน และอำนวยความสะดวกกลุ่ม Digital Nomad ในการจับจ่ายใช้สอยเมื่อเดินทางไปยังที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะถึงภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถสนับสนุนธุรกิจบริการต่างๆ ของไทย เพื่อสอดรับกับการใช้บริการของกลุ่ม Digital Nomad อาทิ การอบรมส่งเสริมทักษะด้านภาษาและทักษะที่จำเป็นของผู้ประกอบการในการรองรับกลุ่ม Digital Nomad การอบรมผู้ประกอบการในการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตอย่างครอบคลุม การพัฒนาแหล่งชุมชนและแหล่งท่องเที่ยวให้พร้อมสำหรับการรองรับกลุ่ม Digital Nomad และการประชาสัมพันธ์ Soft Power ของไทยเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์และเสน่ห์ของไทยที่จะทำให้ชาวต่างชาติกลุ่ม Digital Nomad ประทับใจ และเพิ่มความต้องการและระยะเวลาในการพำนักและใช้จ่ายในไทยให้ยาวนานขึ้น
ส่วนต่างประเทศที่มีมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่ม Digital Nomad พบว่า อินโดนีเซีย และโปรตุเกส มีหมู่บ้านที่รองรับรับกลุ่ม Digital Nomad (Digital Nomad Village) โดยเฉพาะ โดยจุดเด่นของหมู่บ้านเหล่านี้ จะมีบริการ Co-working Space พร้อมบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อุปกรณ์ครบครัน และอาหารและเครื่องดื่ม ในสภาพแวดล้อมที่มีบรรยากาศผ่อนคลาย สวยงาม เช่น อยู่ในพื้นที่ใกล้ชายหาด ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถสัมผัสธรรมชาติระหว่างการทำงาน และสามารถทำกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ได้ เช่น การโต้คลื่น โยคะ ตลอดจนมีบริการทัวร์เชิงวัฒนธรรม เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้เรียนรู้วิถีชีวิตและประเพณีท้องถิ่น
ที่มา : MgrOnline