“ไมเนอร์” ชี้ 3 ปัจจัยท้าทายตลาด เดอะพิซซ่าเล็งสาขาแม่ฮ่องสอนปีนี้

เผยแพร่ : 19 ก.พ. 2568 15:23:58
X
• เดอะ พิซซ่า คอมปะนี วางแผนลงทุน 600 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่ 20 แห่ง

ผูุ้จัดการรายวัน 360 – ไมเนอร์ ชี้ภาพรวมตลาดร้านอาหารปี2568 เผชิญความท้าทายหลัก 3 ประเด็น ทั้งภาวะเศรษฐกิจ ต้นทุน และการแข่งขันจากแบรนด์ใหม่ๆ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี จัดเต็ม แผนลงทุนด้วยงบ600 ล้านบาท ผุดเพิ่ม 20 สาขา

นายอนุพนธ์ นิธิยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความท้าทายของธุรกิจอาหารในปี 2568 ในภาพรวมมองว่ามี 3 ประเด็นหลัก คือ 1. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ส่งผลระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค 2. ภาวะเงินเฟ้อ รวมทั้ง ค่าเแรงขั้นต่ำที่มีการปรับขึ้น และต้นทุนโดยรวมสูงขึ้้น เช่น วัตถุดิบไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ โกโก้ หรือนม ที่เพิ่มขึ้นมากในภาพรวม

ประเด็นที่ 3. การแข่งขันในตลาดอาหารโดยรวมที่รุนแรง มีแบรนด์ใหม่ๆจากต่างประเทศเข้ามาจำนวนมากโดยเฉพาะจากจีน แต่ขณะเดียวกันก็ย่อมมีแบรนด์เดิมออกจากตลาดเช่นกัน อีกทั้งมีแบรนด์ใหม่ๆที่เปิดขึ้นมาก ทั้งสตรีทฟู้ดชื่อดัง ที่ดึงลูกค้าจากห้างไปมากทำให้การแข่งขันรุนแรง

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของไมเนอร์ฟู้ดมากกว่า 10 แบรนด์หลักที่มีอยู่่ ปีที่แล้วโดยรวมจากสาขาเดิมยอดขายมีการเติบโตประมาณ 1% ส่วนยอดทราฟฟิกลูกค้าเข้าร้านโต 3%

ขณะที่แบรนด์หลักอย่างเดอะพิซซ่าคอมปะนีซึ่งเป็นเรือธงของไมเนอร์เติบโต 10% อย่างแข็งแกร่งสูงมากกว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทั้งๆที่ตลาดพิซซ่ารวมโตแค่ 5% ด้วยมูลค่าตลาดรวม 11,000 ล้านบาท ท่ามกลางตลาดร้านอาหารรวมบางเซ็กเมนท์ที่ติดลบระหว่าง 3%-5%

นายปัทม์ พงษ์วิทยาพิพัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ พิซซ่า คอมปะนี กล่าวว่า แผนธุรกิจของเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ปี 2568 จะลงทุนมากกว่า 600 ล้านบาท แบ่งเป็น ลงทุนสาขาใหม่ 200 ล้านบาท จำนวน 20 สาขา ซึ่งมากสุดกว่าช่วงปกติและปีที่แล้วเปิดเพียง 10 สาขา จากปัจจุบันมีรวม 430 สาขา ซึ่งครอบคลุม 76 จังหวัดแล้ว และปีนี้จะเปิดสาขาที่แม่ฮ่องสอนด้วยจะครบทั่วประเทศ ส่วนงบ 100 ล้านบาท จะรีโนเวท 80-100 สาขาเก่า และงบทำตลาดอีก 300 ล้านบาท

“จากการแข่งขันของธุรกิจร้านอาหารที่รุนแรงมีการแย่งลูกค้ากัน สำคัญที่ทำอย่างไรให้คนเข้าร้านให้มากที่สุดก่อน และการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่บริโภคอยู่แล้วสำคัญกว่าการหาลูกค้าใหม่ ด้วยฐานลูกค้าประจำที่มากกว่า 2 ล้านราย ตรงนี้เป็นสิ่งที่เรารักษาไว้ โดยอัตราการเข้าร้านเดอะพิซซ่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.5 ครั้งต่อเดือน เพิ่มเป็น 3.5 ครั้งต่อเดือน ส่วนค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 500-550 บาทต่อบิล ลดลงเล็กน้อย”

โดยสัดส่วนรายได้ของเดอะพิซซ่าขณะนี้คือ ดีลิเวอรี่ 50% นั่งทานในร้าน 30% และ ซื้อกลับบ้าน 20% ซึ่งดีลิเวอรี่เติบโตมาก หลังจากที่ปีที่แล้วเราได้นำการการันตีเวลาส่งภายใน 20 นาที เนื่องจากหลังโควิดเป็นต้นมา การสั่งดีลิเวอรี่ในภาพรวมของตลาดร้านอาหารจะมีปัญหาตรงที่ ออเดอร์ถูกยกเลิกบ่อย และจัดส่งล่าช้าไม่ตรงเวลา ทำให้เราเห็นจุดอ่อนตรงนี้ในตลาดรวม โดยค่าเฉลี่ยที่เดอะพิซซ่าทำได้ในปีที่แล้วอยู่ที่ 17 นาที มากกว่า 97% ของจำนวนการจัดส่งทั้งหมด

สำหรับปี2567 เดอะพิซซ่าเติบโตทุกช่องทาง โดยมียอดขายเพิ่ม 5% และจำนวนลูกค้าเพิ่ม 10% สาเหตุที่เติบโตมาจาก การออกเมนูใหม่ๆและโปรโมชั่นที่น่าสนใจเช่น พิซซ่าซูเปอร์คุ้มราคา 129 บาท หรือเมนู ไบท์ ที่ทานสะดวกและสามารถเพิ่มฐานลูกค้าที่ทานเดี่ยวได้มากขึ้นซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนในปัจจุบันนี้ที่ตลาดทานเดี่ยวเพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการผลักดันยอดขายจากการจัดส่งและซื้อกลับบ้านมากขึ้น การปรับโฉมร้าน รูปแบบบริการใหม่ๆ และการโปรโมทเมนูอาหารที่ไม่ใช่พิซซ่ามากขึ้น ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายรวมเติบโต 10%

ล่าสุดเดอะพิซซ่า จัดแคมเปญซิกเนเจอร์ คือ เดอะพิซซ่า คอมปะนี 1 แถม 1 พร้อมบวกทุกหน้า ทุกขอบ ทุกช่องทาง ซื้อพิซซ่า 1 แถม 1 เริ่มต้น 279 บาท ภายใต้แนวคิด “พร้อมบวก” เริ่มต้นด้วย ฟรีค่าส่ง ตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ - วันที่ 12 มีนาคม 2568 ต่อด้วย ปีกไก่ 1 แถม 1 ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม – วันที่ 31 มีนาคม 2568 และต่อสุดท้ายกลับมาอีกครั้งกับฟรีค่าส่งและพิเศษเฉพาะสมาชิก เดอะ พิซซ่า คอมปะนี รีวอร์ด รับเพิ่มคูปองดิจิทัลส่วนลด มูลค่า 100 บาท จำนวน 5 ใบ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – วันที่ 20 เมษายน 2568 ซึ่งปีที่แล้วแคมเปญดังกล่าวผลักดันยอดขายช่วงแคมเปญเติบโต 5%-10%






ที่มา : MgrOnline