วิจัยกรุงศรีเชื่อ ศก.ไทยปีนี้โตหลุดเป้า! เล็งหั่น GDP ลงจาก 2.9%
เผยแพร่ : 18 ก.พ. 2568 13:05:44
• เตรียมปรับลดคาดการณ์ GDP จาก 2.9%
• สาเหตุหลักมาจากปัจจัยต่างๆ (รายละเอียดสาเหตุไม่ได้ระบุในคำถาม)

วิจัยกรุงศรี เตรียมปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยปี 2568 ลงจาก 2.9% เนื่องจาก 1.อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอ ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน 2.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ส่งผลบวกค่อนข้างจำกัด (เฟส 2 วงเงินเพียง 30,000 ล้านบาท และเหลือวงเงินอีก 1.57 แสนล้านบาท สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตในปีนี้) 3.จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจไม่เป็นไปตามที่เคยคาดไว้ที่ 40 ล้านคน เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้า และ 4.หากสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้า อาจกระทบต่อการค้าและการส่งออกของไทย
พร้อมมองว่า ปัจจัยบั่นทอนและความเสี่ยงดังกล่าว เปิดทางให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 26 ก.พ.นี้ และหากไม่มีการปรับดอกเบี้ยในเดือนนี้ ยังมีโอกาสที่จะเห็นการปรับลดในเดือน เม.ย.68 หลังมีความชัดเจนเรื่องภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ
สำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.68 ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ที่ 59.0 จาก 57.9 ในเดือนธันวาคม ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การท่องเที่ยวในประเทศที่ปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวก้บโอกาสในการหางาน รายได้ในอนาคต ตลอดจนค่าครองชีพที่ยังทรงตัวในระดับสูง
ทั้งนี้ แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้นต่อเนื่อง แต่นับว่ายังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด (ปี 62 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 75.5) ขณะที่แรงหนุนหลักจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เน้นการใช้จ่ายในระยะสั้น เช่น การแจกเงินสด 10,000 บาท เฟส 1 กับกลุ่มเปราะบาง (ราว 14 ล้านคน) และเฟส 2 แก่กลุ่มผู้สูงอายุ (กว่า 3 ล้านคน)
สำหรับแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนในปีนี้ วิจัยกรุงศรี คาดว่าจะเติบโตชะลอลงจากปีก่อนๆ ส่วนหนึ่งได้รับแรงกดดันจากค่าจ้างที่แท้จริงที่อยู่ในระดับต่ำ โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยปี 2562 (ก่อนโควิด) เพียง 3.2% ประกอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการใช้จ่าย
โดยยังต้องติดตามผลจากมาตรการบรรเทาภาระหนี้ของลูกหนี้รายย่อย ผ่านโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ซึ่งล่าสุด มีการขยายไปยังกลุ่มลูกค้านอนแบงก์ และขยายเวลาลงทะเบียน เพื่อเข้าร่วมโครงการออกไปเป็นสิ้นเดือน เม.ย.68
* วิจัยกสิกรฯ คาด ศก.ปีนี้โต 2.4%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไทยปี 2568 มีแนวโน้มชะลอลงเล็กน้อย อยู่ที่ 2.4% โดยคาดว่าการส่งออกในปีนี้จะเติบโตชะลอลง แม้จะได้รับแรงสนับสนุนบางส่วนจากการเร่งนำเข้าสินค้า ก่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ประกอบกับวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แต่ไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกสหรัฐฯ จัดเก็บภาษีในลำดับถัดไป เนื่องจากไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในระดับสูง และมีการเก็บภาษีนำเข้าเฉลี่ยสูงกว่าสหรัฐฯ ซึ่งการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ มีแนวโน้มส่งผลให้การส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง ขณะที่การส่งออกไทยยังไปยังตลาดโลกมีแนวโน้มเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้นและอุปสงค์ที่ลดลง
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากปีก่อน แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น มาตรการแจกเงิน 10,000 บาท และมาตรการลดหย่อนภาษี (Easy E-receipt 2.0) อาจช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้ความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 37.5 ล้านคน แต่อัตราการขยายตัวลดลงจากปีก่อนหน้า และมีความไม่แน่นอนจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ รวมถึงประเด็นภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของไทย
ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นจากเม็ดเงินการลงทุนจากต่างประเทศ ประกอบกับฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า นอกจากนี้ การลงทุนและการบริโภคภาครัฐคาดว่าจะยังขยายตัวได้ดี แต่อัตราการขยายตัวอาจต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากฐานปี 2567 ที่ออกมาสูงกว่าที่คาด ประกอบกับการเบิกจ่ายงบรัฐวิสาหกิจที่คาดว่าลดลงในปีนี้
"การบริโภคภาคเอกชน การส่งออก และการท่องเที่ยว คาดว่าจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ แต่มีโมเมนตัมชะลอลง" ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุ
ล่าสุด วานนี้ (17 ก.พ.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาส 4/2567 ขยายตัวที่ 3.2% น้อยกว่าที่คาด โดยเป็นผลจากสินค้าคงคลังที่หดตัวจากมากกว่าที่คาด จากความความเชื่อมโยงระหว่างภาคการผลิตและการส่งออกที่ต่ำกว่าที่ประเมิน โดยแม้การส่งออกจะขยายตัวได้ดีในหลายสินค้า แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยังแทบจะไม่ขยายตัว ขณะที่การผลิตภาคเกษตรขยายตัวต่ำ จากผลของการปรับฐานในไตรมาส 4/2566 ให้สูงขึ้นกว่าเดิม จึงส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/2567 โตต่ำกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปี 67 เติบโตที่ 2.5% ส่วนปี 68 สภาพัฒน์ คาดโตได้ 2.8% (กรอบ 2.3-3.3%)
ที่มา : MgrOnline