สรุปข่าวสำคัญจาก MGR ออนไลน์: * ทหารพม่าบังคับพลเรือนกวาดล้างทุ่นระเบิด * บังคับใช้บนทางหลวงสายหลักภาคกลางพม่า * การบังคับใช้เกิดขึ้นที่จุดตรวจรักษาความปลอดภัยของรัฐบาลทหาร * พลเรือนเป็นผู้เปิดเผยข้อมูล
MGR ออนไลน์ - ทหารที่ประจำการอยู่ตามจุดตรวจรักษาความปลอดภัยของรัฐบาลทหารพม่ากำลังบังคับให้พลเรือนที่ขับรถผ่านทางหลวงสายหลักในภาคกลางของประเทศดำเนินปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิด ตามการเปิดเผยของประชาชนในพื้นที่

ทุ่นระเบิดกลายเป็นปัญหาที่พบเห็นได้ทั่วไปและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารทั่วประเทศลุกขึ้นจับอาวุธต่อสู้กับกองทัพที่เข้ายึดอำนาจในการรัฐประหารปี 2564 ขณะที่อาวุธสงครามทั้งเครื่องยิงจรวด วัตถุระเบิด และปืน ได้คร่าชีวิตทหารและพลเรือนไปแล้วหลายพันคน แต่ทั้งกลุ่มติดอาวุธและกองกำลังทหารของรัฐบาลกลับปฏิเสธความรับผิดชอบต่อทุ่นระเบิด และความสูญเสียที่เกิดจากทุ่นระเบิดเหล่านั้น

“พวกเขาเริ่มทำแบบนี้ตั้งแต่สัปดาห์แรกของเดือน พ.ย. พวกเขาขอให้เราข้ามทุ่งที่พวกเขาคิดว่ามีทุ่นระเบิดฝังอยู่ ถ้าพวกเขาขอให้เราทำ นั่นคือต้องใช้เวลาตรวจสอบนานราว 1 ชั่วโมง” ชาวบ้านในเมืองโมนยวา กล่าว

“ที่จุดตรวจ พวกเขาไม่ได้สั่งหยุดและขอให้ตรวจหาทุ่นระเบิดทุกคน บางคันก็ไม่ต้องทำ” ชาวบ้าน ระบุ

ผู้สัญจรจะถูกเลือกจากจุดตรวจรักษาความปลอดภัย 3 จุดจากทั้งหมด 11 จุด บนทางบนทางหลวงสายโมนยวา-มัณฑะเลย์ ที่เชื่อมต่อเมืองเอกของภาคสะกายกับภาคมัณฑะเลย์ เป็นระยะทางประมาณ 132 กิโลเมตร

ชาวบ้านระบุว่าปฏิบัติการดังกล่าวมักเกิดขึ้นใกล้กับหมู่บ้าน Myay Ne, Mon Yway และ Taw Pu ที่พวกเขามักบอกให้ชาวบ้านค้นหาทุ่นระเบิด หลังจากทหารตรวจรถของพวกเขาแล้ว

ทหารมักเลือกคนวัยกลางคน โดยขอให้พวกเขาไปยังพื้นที่ที่พวกเขาสงสัย ชาวบ้านอีกรายหนึ่งระบุ และเสริมว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

“จนถึงวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา พวกเขายังคงขอให้เราข้ามทุ่ง ผมยังไม่ได้ยินว่ามีใครเสียแขนขาเพราะข้ามทุ่งทุ่นระเบิด” ชาวบ้านระบุ

ผู้เดินทางสัญจรตามทางหลวงสายโมนยวา-มัณฑะเลย์ลดลงเรื่อยๆ หลังจากปฏิบัติการบังคับกวาดล้างทุ่นระเบิดเริ่มขึ้น

รายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 พ.ย. โดย International Campaign to Ban Landmines ระบุว่า ปี 2566 พม่ามียอดการเสียชีวิตอันเนื่องจากทุ่นระเบิดและอาวุธหนักสูงสุดที่ 1,003 คน และนับเป็นครั้งแรกที่พม่ามีสถิติการเสียชีวิตจากทุ่นระเบิดสูงสุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก.

ที่มา : MgrOnline