ผวาม็อบ! “นพดล” แนะใช้ ม.152 เปิดสภาถกปม MOU44 อ้างกลุ่มเห็นต่างปลุกระดมหวังสั่นคลอนรัฐบาล

เผยแพร่ : 29 พ.ย. 2567 12:24:08
X
• การใช้มาตรา 152 มุ่งหวังลดความตึงเครียดและป้องกันการเคลื่อนไหวบนท้องถนน
• เชื่อว่าการใช้รัฐสภาเป็นเวทีหาทางออกเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานี้

อดีต รมว.กต. เสนอใช้ ม.152 เปิดเวทีรัฐสภา หาทางออก ปมพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา-MOU44 ลดกระแสปลุกม็อบลงถนน เชื่อเป็นทางออกที่ดีที่สุด

วันนี้ (29 พ.ย.) นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.ต่างประเทศ แถลงถึงการที่มีผู้เห็นต่างในเรื่องการเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิในไหลทวีปทับซ้อนกันระหว่างไทยและกัมพูชา และเอ็มโอยู 44 ว่า ในสังคมมีความเห็นต่างได้ แต่ควรอยู่บนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ถูกต้อง โดยเฉพาะประเด็นที่ดิน ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้น ขอเรียกร้องไปยังกลุ่มการเมือง หรือบุคคคลบางคนที่ปลุกกระแส เรื่องการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ระหว่างไทย กับ กัมพูชา ที่อาจเป็นประเด็นทำให้ไทยเสียดินแดนนั้น ยุติการกระทำ เพราะเป็นการใช้ความเท็จที่สร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล รวมถึงกระทบความมั่นคงของประเทศ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อปี 2551 ที่ตนถูกโจมตีและใส่ร้ายว่าเป็นผู้ที่ทำให้ไทยเสียดินแดนจากกรณีปราสาทเขาพระวิหาร

“ผมขอเรียกร้องให้ใช้กลไกของรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เพื่อเปิดประชุมรัฐสภาให้ สส.ฝ่ายรัฐบาล สส.ฝ่ายค้าน และ สว. ได้อภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อลดลมออกจากใบเรือของกลุ่มที่จะลงถนน การใช้เวทีสภา เพื่อแก้ปัญหา ถือเป็นการหาทางออกร่วมกัน และคนจัดม็อบสามารถคุยผ่านตัวแทนในสภาได้ ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด” นายนพดล กล่าว

นายนพดล กล่าวด้วยว่า สำหรับการเจรจาของผลประโยชน์ทางพลังงานนั้น ตนยืนยันว่า ตามกรอบเอ็มโอยู 44 ต้องเจรจาในประเด็นหลักเขตที่ 73 ให้แล้วเสร็จก่อน ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านั้นกัมพูชาได้ลากเส้นเองนั้น ไม่ถือว่าเป็นเส้นที่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นไปตามกรอบของเอ็มโอยู 44 ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่กัมพูชาต้องเจรจาเส้นเขตแดนกับไทยตามกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ

ที่มา : MgrOnline