นอมีนีแก๊งสวาปาล์มอินโดฯ-สต็อกลม GGC ดิ้นอีกเฮือก ปั่นข่าว พุ่งเป้าทำลายผู้บริหาร-ทุบหุ้นปตท. ** “สามารถ” อดข้าว ขอตายคาคุก ถ้าไม่ได้ประกัน
เผยแพร่ : 29 พ.ย. 2567 06:53:17
• นายสามารถ (ไม่ระบุชื่อเต็ม) ประกาศอดข้าวและขอตายในคุกหากไม่ได้รับการประกันตัว
ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ นอมีนีแก๊งสวาปาล์มอินโดฯ-สต็อกลม GGC ดิ้นอีกเฮือก ปั่นข่าว พุ่งเป้าทำลายผู้บริหาร - ทุบหุ้นปตท.
มีการเผยแพร่ข้อมูลในโลกออนไลน์และแชร์ต่อในแอปพลิเคชั่น LINE ที่ทำให้คนในแวดวงธุรกิจและตลาดหุ้นสอบถามกันให้วุ่น
ใครที่ไม่ได้ติดตามข่าวก็อาจจะมีคำถามสงสัยว่า จริงหรือ ? แต่หากใครติดตามข่าวอยู่แล้วย่อมวิเคราะห์ฟันธงลงไปได้เลยว่า นั่นเป็น “ข่าวปั่น”
ข้อมูลอันเป็นเท็จนี้ จั่วหัวให้เร้าใจว่า “DSI สรุปสำนวน เชื่อว่าผู้บริหารปตท. เข้าข่ายทุจริต ผิดพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ, ฟอกเงิน และฉ้อโกงประชาชน” แถมแนบลิงค์ให้ดาวน์โหลดเอกสารของ DSI เพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือ
เนื้อหาเป็นเรื่องที่ “สยามราช ผ่องสกุล” ซึ่งอ้างตัวเองเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และเป็นผู้ถือหุ้นของปตท. บริษัทโกลบอลกรีนเคมีคอล (GGC) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ได้แจ้งข้อกล่าวหาไว้กับDSI ตั้งแต่ปี 2566 โดยกล่าวหาผู้บริหารปตท. ตามความเข้าใจของตัว “สยามราช”เอง ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง
ไอ้โม่งผู้อยู่เบื้องหลังปล่อยข่าวครั้งนี้ รู้ตัวดีว่า การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จแบบนี้เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์มีโทษจำคุก ก็ใช้วิธีฝากกับ “เพจอวตาร” ปฏิบัติการข่าวที่สร้างขึ้นมารับงานประเภทนี้ให้ช่วยกระพือ แล้วก็ให้พรรคพวกแคปหน้าจอ หรือแชร์มาที่แอปพลิเคชันไลน์ เพื่อกระจายไปในกลุ่มไลน์ต่างๆ ที่มีสมาชิกอยู่กันเยอะๆ หวังผลให้การด้อยค่าผู้บริหารและกระทบต่อราคาหุ้นปตท. มีแรงส่งมากขึ้น
ตอนนี้แว่วว่า ตำรวจไซเบอร์เข้ามาตรวจสอบแล้ว หลังจากสำนักข่าวมาตรฐานใหญ่ๆ ได้รับรู้ข่าวนี้ส่งให้ตรวจสอบที่ไปที่มา เพราะเป็นเรื่องของบริษัทขนาดใหญ่อยู่ในตลาดหุ้น สังคมให้ความสนใจ
เชื่อว่าอีกไม่นานจะได้รู้กันว่าขบวนการปั่นข่าวผ่าน เพจอวตาร “ขยะโซเชียล” เหล่านี้รับงานใครมา โดยความซวยจะมาเยือนไปพร้อมๆ กับผู้ว่าจ้างอย่างไม่ต้องสงสัย
งานนี้ก็ตัวใครตัวมัน!
ส่วนไอ้โม่งผู้บงการเชื่อว่าตำรวจจะสืบหาตัวไม่ยาก
เพราะ “ข่าวปั่น” นี้เป็นปมที่นำไปสู่คำถามว่า ใครได้ประโยชน์ ?
ต้องไม่ลืมว่า ที่ผ่านมาข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับกรณีทุจริตปาล์มน้ำมันในอินโดนีเซีย หรือ “แก๊งสวาปาล์ม” อินโดฯ ที่ก่อความเสียหายให้กับปตท. มูลค่ามหาศาลเป็นประวัติการณ์ กว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช.
กลุ่มขบวนการนี้ มีตั้งแต่ อดีตนักการเมืองขาใหญ่ –ลิ่วล้อนักการเมือง-อดีตผู้บริหารปตท.ขาใหญ่ ที่พยายามครอบงำองค์กรมานับสิบๆ ปี แม้จะเกษียณอายุไปนานแล้วยังวางฐานอำนาจเข้ามาหาผลประโยชน์ในปตท.
บุคคลกลุ่มเดียวกันนี้ ยังเกี่ยวข้องกับกรณีคดี “สต๊อกลม” ของ GGC มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท โดยให้เครือญาติเปิดบริษัทเข้ามาเป็นคู่ค้าของบริษัทลูกปตท. บางคดียังคงอยู่ในกระบวนการสอบสวน ซึ่งดำเนินไปอย่างล่าช้าในหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่บางคดีศาลได้มีคำพิพากษาแล้วว่า อดีตผู้บริหารของ GGC และผู้ค้าร่วมกันกระทำความผิดในกรณีดังกล่าวแล้ว
นอกจากนี้ บุคคลกลุ่มดังกล่าวยังมีพฤติกรรมแสวงหาผลประโยชน์จากการขายไบโอดีเซล ให้กับกลุ่ม ปตท. ในราคาสูงกว่าปกติ
ต่อมาเมื่ออำนาจในปตท.เปลี่ยน กลุ่มผู้บริหารปตท.ชุดปัจจุบัน ได้ดำเนินมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวอีก เช่น การปฏิเสธการฮั้วประมูลไบโอดีเซล รวมถึงการเร่งรัดกระบวนการพิจารณาคดีในกรณี “สต๊อกลม”
สถานการณ์บีบรัดเข้าใกล้คุก ขณะเดียวกันผลประโยชน์ที่เคยได้รับถูกบั่นทอน บุคคลกลุ่มดังกล่าวซึ่งเกี่ยวข้องกับกรณีทุจริตปาล์มน้ำมันในอินโดนีเซีย จึงพยายามทำทุกวิถีทาง “ใต้ดิน-บนดิน” ดำเนินการตอบโต้
หนึ่งในนั้นก็ใช้ “นักร้อง” ใช้ “ทนายความ” เดินเรื่องในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มปตท. จำนวน 100 หุ้น แม้ว่าจะไม่มีประวัติการลงทุนในตลาดหุ้นมาก่อน เพื่อใช้อ้างว่า “ในฐานะผู้มีส่วนได้เสีย” จากนั้น ได้มีการยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ โดยเน้นที่ผู้บริหารปตท. ที่มีบทบาทในการดำเนินมาตรการดังกล่าว
สำหรับข้อร้องเรียนที่ยื่นโดยทนายความนักร้องรายนี้ ซึ่งอ้างสถานะการเป็นผู้ถือหุ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแทบทุกแห่ง ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว และไม่พบข้อบกพร่องหรือประเด็นที่มีมูลความผิดทุจริตตามการกล่าวหาแต่อย่างใด
นี่ก็ต้องถามไปยัง “สยามราช ผ่องสกุล” ที่ถูกอ้างใน “เฟกนิวส์” มีส่วนรับรู้กับข่าวปลอมนี้หรือไม่ หรือว่ารับทราบเรื่องจริงเหล่านี้หรือไม่ ?
ที่แน่ๆ เท่าที่ทราบมา “พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ กับสำนักข่าวอิศรา ว่า เท่าที่ตรวจสอบกรณีเป็นผู้มาร้องดีเอสไอให้สืบสวนเรื่องการทุจริตการซื้อน้ำมันปาล์มดิบของบริษัทที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสอบสวน
ส่วนจะเสร็จเมื่อไหร่? พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ บอกว่า ยังตอบไม่ได้
อธิบดีDSI ยืนยัน ดีเอสไอ ยังไม่ได้สรุปสำนวนการสอบสวนในคดีอาญา เป็นแค่ชั้นสืบสวน ยังไม่ใช่สำนวนการสอบสวนที่จะไปกล่าวหาใคร!
นี่ก็ชัดแล้วว่า ข่าวที่ “ปั่น” เข้าข่ายเฟกนิวส์ หวังผลทุบหุ้น
ก.ล.ต.ควรจะต้องเข้าตรวจสอบขบวนการทุบหุ้นนี้ไปด้วยเลย
ขณะที่กระทงหลัก “พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ” รรท.ผบช.สอท. หรือ ผบช.ไซเบอร์คนใหม่ ที่เพิ่งเข้าไปรับมอบหน้าที่ ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเมื่อวันก่อน ลั่นวาจามอบนโยบายเป็นวิสัยทัศน์แก่ขุนพลไซเบอร์ เอาไว้ว่า ตำรวจไซเบอร์พึ่งพาได้ ลดภัยอาชญากรรมออนไลน์
เคสนี้ดูยังไงก็เข้าข่ายอาชญากรรมออนไลน์ จัดให้หนักไปเลยมั้ยท่าน !
++ “สามารถ” อดข้าว ขอตายคาคุก ถ้าไม่ได้ประกัน
หลังตกเป็นข่าว เจ้าของเสียงในคลิปลับ ที่เจรจาตบทรัพย์ “บอสพอล” วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ซีอีโอ และผู้ก่อตั้ง ดิไอคอน กรุ๊ป
ต่อมาวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติหมายจับ "สามารถ เจนชัยจิตรวณิช" กับแม่ “วิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์” ในข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน
และในวันเดียวกันนั้น “แม่สามารถ” ถูกจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ส่วน “สามารถ” ถูกตำรวจรวบตัวได้ที่ วัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย
ตรวจสอบเบื้องต้นก่อนออกหมายจับ พบร่องรอยธุรกรรมการเงิน มีการรับโอนเงินจาก 2 บอสดิไอคอน คือ “บอสพอล” และ “บอสปีเตอร์” และยังพบว่าบัญชีแม่สามารถ มียอดเงินเข้าออกกว่า 100 ล้าน
โซเชียลฯ ถึงกับแซวว่า “สามารถ” ไม่ต้องพึ่งคนอื่นเปิดบัญชีม้า แต่ใช้บัญชีของ “หม่าม๊า” เป็นบัญชีม้า
หลังการสอบสวนที่ ดีเอสไอ วันรุ่งขึ้น 26 พ.ย. “แม่” ได้ประกันตัว ส่วน “สามารถ” ไม่ได้ประกัน ถูกส่งตัวไปฝากขังที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยไปถึงเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.
จากการทำประวัติ ตรวจร่างกายเบื้องต้น พบว่า “สามารถ” มีอาการป่วยด้วยโรคประจำตัว และมีอาการเครียด แพทย์ได้จ่ายยาให้และรับตัวไว้ที่สถานพยาบาล
เช้าวันที่ 27 พ.ย. ทางเรือนจำได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้ มี ต้มยำไก่ ไข่ต้ม พร้อมข้าวสวย แต่ “สามารถ” ดื่มแต่น้ำ ไม่แตะอาหาร และวันนั้นทั้งวัน เขาอดอาหาร ดื่มแต่น้ำ นัยว่าเพื่อเป็นการประท้วงที่ไม่ได้ประกันตัว และคืนนั้นเขาก็ถูกนำตัวส่ง รพ.ราชทัณฑ์ เพื่อจะได้มีแพทย์ พยาบาล ดูแลอย่างใกล้ชิด
วันที่ 28 พ.ย. “ทนายเตย” ร.อ.ธีรศานต์ แก้วสง ทนายของสามารถ ได้เข้าเยี่ยมที่ รพ.ราชทัณฑ์ โดยสามารถนั่งรถวีลแชร์ มีเจ้าหน้าที่เข็นรถพามาที่ห้องพบทนายความ
“ทนายเตย” บอกว่า สภาพของ “สามารถ” ดูอ่อนเพลีย คุยไปสัปหงกไป เหมือนจะวูบ เพราะไม่ได้รับประทานอาหารเลย ตั้งแต่ถูกส่งตัวมาที่เรือนจำ
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ บอกว่า “สามารถ” ไม่ได้แจ้งความประสงค์อดอาหาร แต่เป็นเพราะมีอาการ “เครียดลงกระเพาะ” จนทานข้าวไม่ได้ และยังดื่มน้ำอยู่ แต่เท่าที่ได้พูดคุยกัน “สามารถ” ยืนยันว่า เป็นความตั้งใจที่จะอดอาหาร เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม
“สามารถ” ได้เซ็นยินยอมไว้แล้วว่า หากตัวเขาเกิดอาการช็อก ก็ไม่ต้องทำการกู้ชีพ หากไม่ได้ประกันตัวออกมา ก็ขอยอมตายคาเรือนจำ
ทั้งนี้ “ทนายเตย” บอกว่าได้เตรียมยื่นขอประกันตัวต่อศาลอีกครั้ง โดยจะให้ข้อมูลเรื่องอาการป่วยจากโรคประจำตัวหลายโรค ซึ่ง “สามารถ”ได้เขียนจดหมายน้อย ถึงศาลเรียกร้องสิทธิในการประกันตัว และจะยื่นขอติดกำไล EM ด้วย
ก็ต้องติดตามว่า “สามารถ” จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในเร็ววันนี้หรือไม่ หรือจะต้องอดอาหารยาวเป็นเดือน เหมือนผู้ต้องหา “กลุ่มสามนิ้ว” ก่อนหน้านี้
ที่มา : MgrOnline